Monday, March 12, 2012

อาหารหรูของคนรวยที่ DISTIL

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 มิถุนายน 2548 16:52 น. 
 

 

 

 

 

 
 
 
 ที่ต้องจั่วหัวเรื่องไว้อย่างนี้ก็เพราะเป็น เรื่องจริง เรื่องจริงที่ว่าคือหากไม่รวยแล้วอย่าได้คิดว่าจะได้ลิ้มรส”คาเวียร์”กัน ง่ายๆ เพราะ”คาเวียร์”นั้นถือว่าเป็นอาหารสุดหรูแห่งราชสำนักในยุโรปมาช้านาน เป็นสิ่งแสดงถึงฐานะและรสนิยมในการกินมาตั้งแต่ยุคศักดินา เพราะไข่ของปลาพันธุ์พิเศษซึ่งมีชื่อว่า”ปลาสเตอร์เจียน”อันมีแหล่งกำเนิด อยู่ในทะเลสาบแคสเปียนนั้น เป็นสิ่งที่หาได้ยากเพราะในฤดูของการจับปลาแต่ละปีจะได้ไข่ซึ่งมีจำนวนจำกัด จากปลาแต่ละชนิด
      
       เมื่อชาวประมงได้ปลาตัวเมียในขณะท้องแก่ขึ้นมาก็จะทำการผ่าเอาไข่ออก จากท้องปลา ซึ่งไข่ทั้งหมดจะถูกห่อหุ้มด้วยพังผืดและจะถูกนำไปขยำให้ไข่หลุดออกจาก พังผืดและเมือกของเหลวที่ห่อหุ้มไข่ทั้งหมด จากนั้นจึงจะนำไปเคล้ากับเกลือจนสะอาดและขึ้นเงา ไข่ที่ยังคงรูปทรงไม่แตกจะถูกคัดไว้ ส่วนไข่ที่แตกแหลกจากแรงขยำจะถูกกันออกต่างหาก จากนั้นไข่ที่ถูกคัดไว้จะถูกนำไปเก็บไว้ในกล่องดีบุกและแช่เย็นเพื่อรักษา ความสดไว้จนกว่าจะถึงเวลานำไปขึ้นโต๊ะ
       ปลาสเตอร์เจียนจากแหล่งธรรมชาตินั้นมี 3 พันธุ์หลักได้แก่พันธุ์ Beluga มีขนาดใหญ่ที่สุด กินปลาด้วยกันและสิ่งที่มีชีวิตเป็นอาหาร ลำตัวยาวประมาณ 6 เมตร หนักถึงประมาณ 600 กก.ปริมาณของไข่จะอยู่ที่ 25-50 % ของน้ำหนักตัว ถือ ว่าปลาที่มีอายุในช่วง 25 ปีจะให้”คาเวียร์”ที่คุณภาพดีที่สุด มีสีเทาจางๆส่งประกายสีทองเป็นมันวาว เมื่อส่งเข้าปากแล้วขบเบาๆ จะรู้ถึงความสดกรอบของไข่แต่ละหน่วย ส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจายในปากทันที รสชาติมันนุ่มนวลหอมมีรสเค็มนิดๆที่ปลายลิ้น เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ”Beluga Caviar” ปกติผู้ที่จะได้บริโภคต้องสั่งจองล่วงหน้า มีบริการเฉพาะร้านอาหารที่โก้หรูจริงๆ หรือต้องเป็นแขกรับเชิญของประธานาธิบดีหรือมหาเศรษฐีเท่านั้น แทบไม่มีวางขายตามร้านเลย โดยปกติต้องสั่งจองจากผู้จัดจำหน่ายเท่านั้น
       
       Oscietra เป็นปลาพันธุ์ขนาดย่อมลงมา อาศัยอยู่ในส่วนน้ำลึก มักกินสาหร่ายและพืชในน้ำเป็นอาหาร มีลำตัวยาวประมาณ 2 เมตร น้ำหนักประมาณ 200 กก.ให้”คา เวียร์”ที่มีสีสันแตกต่างกันออกไป ตั้งแต่สีเทา เทาอมทอง และสีทองอำพัน ขึ้นอยู่กับแร่ธาตุที่สะสมอยู่ในแหล่งพืชที่ปลาแต่ละตัวกินเข้าไป รสชาติของ “Oscietra Caviar” จะมีกลิ่นหอมจางๆคล้ายลูกนัท มีความหนึบกรอบ มันเข้มข้นไม่เค็มจัด ส่วนขนาดของหน่วยจะเล็กกว่า Beluga ราคาย่อมเยากว่ามากเพราะสามารถหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าหรูเช่น Fauchon ในกรุงปารีส และ ที่ Harrods ในกรุงลอนดอนและร้านขายของบริโภคหรูๆ ในยุโรปและอเมริกา
       Sevruga เป็นปลาขนาดเล็กที่สุด ยาวประมาณ 1.5 เมตร และหนักเพียง 25 กก.เท่านั้น เป็นปลาที่มีจำนวนมากที่สุด จึงมีปริมาณสู่ท้องตลาดมากเพียงพอที่จะส่งจำหน่ายให้ลูกค้าทั่วโลก
        “Sevruga Caviar” ให้หน่วยไข่ที่เล็กสุดให้สีทั้งเทาเงิน เทาเข้ม และดำ มีเนื้อที่ละเอียด มีกลิ่นหอมเรื่อๆ รสมันเนียนและเค็มจางๆ โดยปกติสายการบินชั้นเยี่ยมมักใช้เสิร์ฟสำหรับผู้โดยสารชั้นเฟิร์สท์-คลาส หาซื้อได้ตามแผนกอาหารของห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และตามร้านจำหน่ายของบริโภคชั้นนำทั้งในยุโรปและอเมริกา
       การเตรียมเครื่องดื่มที่จะเสิร์ฟกับคาเวียร์นั้น แต่เดิมเคยนิยมใช้วอดกาแช่เย็นเฉียบ รินใส่ถ้วยแก้วคริสตัลใบเล็กตามแบบฉบับของรัสเซีย หากแต่เมื่อคาเวียร์ถูกนำไปเสิร์ฟที่มหานครปารีส ชาวฝรั่งเศสก็เริ่มหันมาเสิร์ฟกับไวน์สีชมพูของ Clarke หรือไวน์ขาว Blanc de Blanc ของ Lanson และจะเข้ากันได้ดีกับเครื่องดื่มอีกชนิดหนึ่งนั่นคือ ฌ็องม์ปาญของ Tattinger ที่ให้รสค่อนข้าง Dry
       คาร์เวียร์ที่เสิร์ฟจะถูกนำมาใส่อ่างแก้วสองชั้นมีน้ำแข็งฝอยสีขาว ขุ่นใส่ตรงกลางเพื่อรักษาความสดใหม่ของคาร์เวียร์ไว้ตลอดเวลา ส่วนช้อนที่ใช้ตักต้องเป็นช้อนที่ทำจากทองคำแท้เปลือกมุก หรือช้อนกระเบื้องเท่านั้น เพราะหากเป็นช้อนที่ทำจากโลหะอื่นรสชาติจะเปลี่ยนไปทันที
       ส่วนเครื่องเคียงคงมีเพียงแผ่นขนมปังปิ้งกรอบบาง มันฝรั่งสุกอุ่นก้อนเล็กๆ หรือไข่นกกระทาสุกอุ่นๆเท่านั้น ที่จะใช้เสิร์ฟกับคาเวียร์ชั้นยอดเหล่านี้ แต่หากเป็นคาร์เวียร์ชั้นรองๆเช่นคาร์เวียร์จากปลาเลี้ยงหรือปลาทะเลอื่นๆจะ เห็นว่าเขาใช้ มะนาวเสี้ยว หัวหอมสับ ไข่แดงต้มสุกแข็งสับและครีมเปรี้ยว เพื่อช่วยเพิ่มรสชาติให้ดียิ่งขึ้น
      
       กรุณาอย่าเรียก”คาเวียร์”ว่า “ไข่ปลาคาเวียร์” เพราะนั่นคือการเรียกซ้ำซ้อนเช่น เดียวกับการเรียก”ไข่จาระเม็ด”ว่า”ไข่เต่าจาระเม็ด” เพราะเต่าจาระเม็ดไม่มี คงมีแต่เต่าตนุเท่านั้น คาเวียร์มีประโยชน์มากกว่าโทษและไม่เคยทำให้อ้วน เพราะการบริโภคในแต่ละครั้งจะมีปริมาณเพียงน้อยนิด ผู้บริโภคต้องการเสพกลิ่นและรสของคาเวียร์ที่มีความพิเศษสุด ไม่ต้องกลัว
       ขนาดผู้โดยสารชั้นหนึ่งบางคนที่เคยขอให้พนักงานบนเครื่องเสิร์ฟคา ร์เวียร์”เพียงสองฟองและขอแบบยางมะตูมเท่านั้น” และบางคนขอเครื่องปรุงทุกอย่างยกเว้นแต่”ไอ้ดำๆน่ะ ไม่รับนะคะ”
      
        Distil คลับหรูสุดของกรุงเทพฯบนชั้น 64 ของอาคาร State Tower เริ่มเสิร์ฟอาหารหรูสุดสองชนิด นั่นคือคาเวียร์จาก Caviar House ซึ่งเป็นผู้ค้าคาเวียร์ชนิดเยี่ยมของโลกมาตั้งแต่ปีค.ศ.1950 โดยที่ Caviar House ได้นำคาร์เวียร์ชั้นสุดยอดทุกชนิดของโลกมาให้บริการชั้นเยี่ยมเช่นเดียวกับ ร้านหรูในมหานครสำคัญๆของโลก โดยที่ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเดินทางและสำรองที่นั่งตามร้านอาหารหรูเริดดัง กล่าว และราคาที่ Distil ยังย่อมเยากว่าอีกด้วย ทั้งยังมีไวน์และฌ็องม์ปาญหลากชนิดให้เลือกตามความชอบ
       นอกจากนั้นอาหารหรูอีกชนิดหนึ่งคือ Balik Salmon ซึ่งเป็นปลาแซลมอนรมควันแบบกรรมวิธีดั้งเดิมของรัสเซีย หากแต่ภายหลังจากการปฏิวัติครั้งใหญ่ในรัสเชีย ชาวรัสเซีย 2 คนที่เป็นทายาทของผู้ผลิตปลาแซลมอนรมควันนี้เดินทางไปตั้งรกรากอยู่ใน สวิตเซอร์แลนด์ และได้เริ่มผลิตแซลมอนรมควันออกจำหน่าย โดยใช้เพียงน้ำแร่ธรรมชาติ เกลือ และการรมควันด้วยฟืนแบบโบราณซึ่งเป็นกรรมวิธีที่ยังถูกเก็บเป็นความลับ ไม่เหมือนการรมควันแบบชาติอื่น และใช้เพียงปลาแซลมอนที่นำมาจากนอร์เวย์และสกอตแลนด์เท่านั้น
       Balik Salmon แบ่งประเภทออกตามชนิดของชิ้นปลาและการรมควัน จึงได้ปลาชิ้นที่เนื้อแน่น กลิ่นหอมควันฟืน และคงมีรสเพียงเค็มปะแล่มและยังคงความหวานตามธรรมชาติ
       Balik Fillet Tasr Nicolaj แซลมอนชนิดนี้ต้องเรียกว่า”แซลมอนเสวย” เพราะเป็นของโปรดของพระเจ้าซาร์ นิโคลัส ใช้เนื้อปลาช่วงกลางตัวรมควันตามตำรับจนเนื้อหนึก ฉ่ำนุ่มสีสวย รสกลมกล่อม หอมควันฟืนไม่มีคาวปลาแม้แต่น้อย
       Balik Sjomga ใช้เนื้อส่วน fillet หมักในน้ำเกลือผสมสมุนไพร ได้ทั้งความหอมและรสหวานตามธรรมชาติ แล่เป็นชิ้นบางๆนุ่มลิ้นที่สุด
       Balik Side Trimmed Le Classique ชนิดนี้นำเนื้อแซลมอนทั้งชิ้นไปรมควันจางๆด้วยเตาอบแบบโบราณ จากนั้นจึงแล่หนังและก้างออก ก่อนำไปบรรจุแบบสุญญากาศ
       ซัลมอนของที่นี่จะเคียงมาด้วยขนมปังข้าวไรน์แบบโบราณและเบียร์รัสเซียเพื่อคงรสชาติแบบดั้งเดิมอีกด้วย
      
       และนี่คือ”ของหรู”สองสิ่ง ที่ Distil ภูมิใจนำเสนอ นอกเหนือไปจากอาหารทะเลสดๆจาก Oyster Bar และอาหารตามเมนูประจำที่มีไว้ให้เลือกตามความพอใจ การได้ลิ้มรสอาหารหรูสุดยอด บนชั้นสูงสุดของอาคารเคียงแม่น้ำเจ้าพระยา อวดทัศนียภายจอกว้าง 360 องศาคงมีเพียงที่ Distil ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น
      
       ข้อมูล
       ร้าน Distil
       ที่ตั้ง ชั้น 64 อาคาร State Tower 1055 ถนน สีลม บางรัก กทม. 10500
       โทรศัพท์ 02 624 9555

No comments:

Post a Comment