Sunday, October 30, 2011

“บ้านจิตประภัสสร” หนึ่งในดวงใจ อาหารไทยโบราณเลิศรส

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 ตุลาคม 2554 14:00 น.
บรรยากาศโต๊ะนั่งสบายๆ ภายในร้านบ้านจิตประภัสสร
       ไม่รู้ว่ามิตรรักนักกินทั้งหลายจะมีความรู้สึกเหมือน “ตระเวนกิน” บ้างไหม??
      
       ที่ว่าต่อให้ได้ลองลิ้มรสชาติของอาหารชาติไหนๆ มากมายเพียงใด แต่ยังไงในความรู้สึกลึกๆ ของหัวใจก็ยังขอยกนิ้วให้ “อาหารไทย” เป็น ที่หนึ่งในดวงใจ ที่มีเสน่ห์ในเรื่องของรสชาติอาหารอันเลิศรสโดนใจ และมีความหลากหลายของเมนูอาหารให้เลือกกินอย่างมากมายแบบไม่รู้เบื่อ
บรรยากาศห้องจัดเลี้ยง
       เอาเป็นว่าหากใครมีความรู้สึกชื่นชอบและพิสมัยในอาหารไทยเหมือน “ตระเวนกิน” แล้วล่ะก็ ในมื้อนี้เราขอพาทุกคนมาตระเวนกินอาหารไทยรสดีกันยังที่ “สวนอาหารบ้านจิตประภัสสร” ตั้งอยู่ตรง ถนนประชานิเวศน์ 1 ซึ่งเป็นร้านอาหารที่มีชื่อเสียงมานานของคุณจิตประภัสสร เทียนสุวรรณ (พา นิชกุล) อดีตนางสาวไทยปี พ.ศ. 2509 โดยเปิดขายอาหารไทยมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2524 แรกเริ่มเป็นสวนอาหารตั้งอยู่ที่ จ.ราชบุรี จากนั้นปีพ.ศ. 2530 จึงได้ขยายสาขามาที่กรุงเทพฯ อยู่ที่ ถ.สุโขทัย และก็ย้ายมาเปิดร้านอยู่ที่ ถ.ประชานิเวศน์ 1 มานานกว่า 18-19 ปี เป็นสวนอาหารที่มีบรรยากาศร้านอันร่มรื่นชวนนั่ง
      
       และก็มีอาหารไทย อาหารจีนบริการ มีทั้งอาหารไทยทั่วไปและอาหารไทยสูตรโบราณ ซึ่งเมนูอาหารไทยนั้นมีหลายเมนูที่น่าชิมมากมาย อย่างที่อยากแนะนำว่าหากมาแล้วควรสั่งมากินกันก็มี
ยำตะไคร้
       ยำตะไคร้ (80 บาท) เป็นยำที่อุดมไปด้วยสมุนไพรไทยอย่างตะไคร้สดนำมาซอย หอมแดง พริกขี้หนู มะพร้าวคั่ว ถั่วลิสง หมูหยอง เนื้อหมูหรือเนื้อไก่ฝอย แล้วก็ยำคลุกเคล้ากับน้ำยำรสเด็ดสูตรเฉพาะ แถมโรยหน้าด้วยหมูแผ่นกรอบ และมีใบชะพลูสดมาให้กินคู่กัน เวลากินกินเหมือนเมี่ยงคือเอาใบชะพลูมาห่อกับยำตะไคร้ เคี้ยวกร้วมกรุบกรอบเต็มปากเต็มคำรสชาติดีหอมตะไคร้เคี้ยวเพลิน
ซี่โครงหมูอบ
       แล้วมาชิม ซี่โครงหมูอบ (200 บาท) ที่ขอบอกว่าต้องสั่งล่วงหน้าถึงจะได้กินกัน เพราะทางร้านจะนำ เอาซี่โครงหมูมาหมักกับเครื่องปรุงต่างๆ ตามสูตรเด็ดของทางร้าน และหมักนานแบบข้ามคืน แล้วจึงนำมาอบให้เปื่อยนุ่ม จนได้ซี่โครงหมูอบที่เนื้อเปื่อยนุ่มลิ้นรสชาติกลมกล่อมถึงเครื่องหมักที่ เข้มข้น
ผัดไทกุ้ง
       ตามมาด้วย ผัดไทกุ้ง (150 บาท) เป็นผัดไทแบบสูตรโบราณที่นำเอาเส้นจันทน์มาผัดกับเครื่องผัดไทแบบครบเครื่อง และใส่กุ้ง แถมยังปรุงรส ใส่พริกมาให้เสร็จสรรพ เรียกว่ากินได้เลยโดยไม่ต้องปรุงเพิ่มได้รสชาติผัดไทที่เส้นเหนียวนุ่มออกรส ผัดไทหวาน เปรี้ยว เค็ม เจือเผ็ดนิดๆ และมีผักเคียงมาให้กินแบบครบเครื่อง
ปลาดุกผัดพริกขิง
       จากนั้นมาชิม ปลาดุกผัดพริกขิง (150 บาท) ทางร้านนำเอาเนื้อปลาดุกไปคลุกเคล้ากับเกล็ดขนมปังแล้วทอดจนฟูกรอบ แล้วก็นำมาผัดกับน้ำพริกเผาสูตรพิเศษที่ทางร้านปรุงขึ้นมาเอง และมีใบกระเพราทอดกรอบใส่มาด้วย ชิมแล้วเนื้อปลาดุกผัดพริกขิงกรุบกรอบได้ใจออกรสน้ำพริกเผาจัดจ้าน
เนื้อปูผัดผงกะหรี่
       และก็ต้องไม่พลาดเมนูนี้ เนื้อปูผัดผงกะหรี่ (250 บาท) เป็นปูผัดผงกะหรี่ที่กินง่าย เพราะทางร้านเลือกใช้แต่เนื้อปูทะเลที่แกะเนื้อออกมาเป็นก้อนๆ แล้วนำมาผัดกับเครื่องผงกะหรี่แบบครบเครื่องและใส่ไข่ด้วย กินแล้วสัมผัสได้ถึงเนื้อปูแน่นหวานชุ่มรสชาติเครื่องผงกะหรี่ถูกใจปากมากๆ
ฉู่ฉี่กุ้ง
       แล้วก็มาชิม ฉู่ฉี่กุ้ง (200 บาท) กันซึ่งทางร้านเลือกใช้กุ้งแชบ๊วยตัวไม่ใหญ่มาก เอามาผัดกับเครื่องแกงฉู่ฉี่ที่ทางร้านโขลกเอง และผัดกับกะทิแบบเข้มข้น ลองลิ้มแล้วถูกปากตรงที่เนื้อกุ้งนุ่มหวานเข้ากับเครื่องแกงฉู่ฉี่ที่เข้ม ข้นหอมหวานมันกะทิ เจือรสเผ็ดนิดๆ
แกงเขียวหวานไก่
       ส่งท้ายด้วยเมนู แกงเขียวหวานไก่ (90 บาท) ที่ส่งกลิ่นหอมของเครื่องแกงยั่วจมูกมากๆ เพราะทางร้านโขลกเครื่องแกงเขียวหวานเอง นำมาแกงกับกะทิที่คั้นสด และใส่เนื้ออกไก่ กินแล้วขอยกนิ้วให้ในรสชาติของแกงเขียวหวานที่เข้มข้นถึงเครื่องแกงมากๆ หอมหวานมันกะทิ เนื้อไก่ก็นุ่ม กินกับข้าวสวยร้อนๆ สุดยอดขอบอก
      
       ถึงแม้ว่าจะแนะนำมาก็หลายเมนูแล้ว แต่ว่าในรายการอาหารยังมีเมนูอาหารไทยที่ชวนชิมอีกมากมาย อาทิ สลิดหลน (80 บาท) น้ำพริกปลาทู (120 บาท) วุ้นเส้นทรงเครื่อง (90 บาท) ปลากะพงผัดพริกไทยดำ (250 บาท) ลาบปลาช่อน (200 บาท) ฯลฯ เรียกว่าแต่ละเมนูล้วนแล้วแต่เป็นอาหารไทยที่น่าลองลิ้มซึ่งทาง “สวนอาหารบ้านจิตประภัสสร” ภูมิใจนำมาเสนอให้แฟนๆ คออาหารไทยได้มาอิ่มหนำกันอย่างเต็มที่
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       “สวนอาหารบ้านจิตประภัสสร” ตั้ง อยู่ที่ 89/462 ถ.ประชานิเวศน์ 1 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. การเดินทางถ้ามาจาก ริมคลองประปาให้เลี้ยวตรงเข้ามาที่ ถ.ประชานิเวศน์ 1 มุ่งหน้าไปวัดเสมียนนารี ก่อนขึ้นสะพานข้ามคลองให้สังเกตซ้ายมือจะเห็น ซ.สัมมากร 2 หน้าปากซอยมีร้านลีลาวดีสปา ตรงเข้ามาก็จะเจอสวนอาหารบ้านจิตประภัสสร มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน เปิดทุกวัน เวลา 10.00-21.00 แต่สามารถนั่งได้ถึง 23.00 น. ถ้ามากินอาหารแนะนำว่าควรโทร.มาจองโต๊ะก่อนจะดี และทางร้านรับจัดงานเลี้ยงทั้งในและนอกสถานที่ โทร. 0-2580-4643, 0-2580-6041, 08-1434-9305 หรือเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.jitprapassorn.com/

“บ้านจิตประภัสสร” หนึ่งในดวงใจ อาหารไทยโบราณเลิศรส

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 ตุลาคม 2554 14:00 น.
บรรยากาศโต๊ะนั่งสบายๆ ภายในร้านบ้านจิตประภัสสร
       ไม่รู้ว่ามิตรรักนักกินทั้งหลายจะมีความรู้สึกเหมือน “ตระเวนกิน” บ้างไหม??
      
       ที่ว่าต่อให้ได้ลองลิ้มรสชาติของอาหารชาติไหนๆ มากมายเพียงใด แต่ยังไงในความรู้สึกลึกๆ ของหัวใจก็ยังขอยกนิ้วให้ “อาหารไทย” เป็น ที่หนึ่งในดวงใจ ที่มีเสน่ห์ในเรื่องของรสชาติอาหารอันเลิศรสโดนใจ และมีความหลากหลายของเมนูอาหารให้เลือกกินอย่างมากมายแบบไม่รู้เบื่อ
บรรยากาศห้องจัดเลี้ยง
       เอาเป็นว่าหากใครมีความรู้สึกชื่นชอบและพิสมัยในอาหารไทยเหมือน “ตระเวนกิน” แล้วล่ะก็ ในมื้อนี้เราขอพาทุกคนมาตระเวนกินอาหารไทยรสดีกันยังที่ “สวนอาหารบ้านจิตประภัสสร” ตั้งอยู่ตรง ถนนประชานิเวศน์ 1 ซึ่งเป็นร้านอาหารที่มีชื่อเสียงมานานของคุณจิตประภัสสร เทียนสุวรรณ (พา นิชกุล) อดีตนางสาวไทยปี พ.ศ. 2509 โดยเปิดขายอาหารไทยมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2524 แรกเริ่มเป็นสวนอาหารตั้งอยู่ที่ จ.ราชบุรี จากนั้นปีพ.ศ. 2530 จึงได้ขยายสาขามาที่กรุงเทพฯ อยู่ที่ ถ.สุโขทัย และก็ย้ายมาเปิดร้านอยู่ที่ ถ.ประชานิเวศน์ 1 มานานกว่า 18-19 ปี เป็นสวนอาหารที่มีบรรยากาศร้านอันร่มรื่นชวนนั่ง
      
       และก็มีอาหารไทย อาหารจีนบริการ มีทั้งอาหารไทยทั่วไปและอาหารไทยสูตรโบราณ ซึ่งเมนูอาหารไทยนั้นมีหลายเมนูที่น่าชิมมากมาย อย่างที่อยากแนะนำว่าหากมาแล้วควรสั่งมากินกันก็มี
ยำตะไคร้
       ยำตะไคร้ (80 บาท) เป็นยำที่อุดมไปด้วยสมุนไพรไทยอย่างตะไคร้สดนำมาซอย หอมแดง พริกขี้หนู มะพร้าวคั่ว ถั่วลิสง หมูหยอง เนื้อหมูหรือเนื้อไก่ฝอย แล้วก็ยำคลุกเคล้ากับน้ำยำรสเด็ดสูตรเฉพาะ แถมโรยหน้าด้วยหมูแผ่นกรอบ และมีใบชะพลูสดมาให้กินคู่กัน เวลากินกินเหมือนเมี่ยงคือเอาใบชะพลูมาห่อกับยำตะไคร้ เคี้ยวกร้วมกรุบกรอบเต็มปากเต็มคำรสชาติดีหอมตะไคร้เคี้ยวเพลิน
ซี่โครงหมูอบ
       แล้วมาชิม ซี่โครงหมูอบ (200 บาท) ที่ขอบอกว่าต้องสั่งล่วงหน้าถึงจะได้กินกัน เพราะทางร้านจะนำ เอาซี่โครงหมูมาหมักกับเครื่องปรุงต่างๆ ตามสูตรเด็ดของทางร้าน และหมักนานแบบข้ามคืน แล้วจึงนำมาอบให้เปื่อยนุ่ม จนได้ซี่โครงหมูอบที่เนื้อเปื่อยนุ่มลิ้นรสชาติกลมกล่อมถึงเครื่องหมักที่ เข้มข้น
ผัดไทกุ้ง
       ตามมาด้วย ผัดไทกุ้ง (150 บาท) เป็นผัดไทแบบสูตรโบราณที่นำเอาเส้นจันทน์มาผัดกับเครื่องผัดไทแบบครบเครื่อง และใส่กุ้ง แถมยังปรุงรส ใส่พริกมาให้เสร็จสรรพ เรียกว่ากินได้เลยโดยไม่ต้องปรุงเพิ่มได้รสชาติผัดไทที่เส้นเหนียวนุ่มออกรส ผัดไทหวาน เปรี้ยว เค็ม เจือเผ็ดนิดๆ และมีผักเคียงมาให้กินแบบครบเครื่อง
ปลาดุกผัดพริกขิง
       จากนั้นมาชิม ปลาดุกผัดพริกขิง (150 บาท) ทางร้านนำเอาเนื้อปลาดุกไปคลุกเคล้ากับเกล็ดขนมปังแล้วทอดจนฟูกรอบ แล้วก็นำมาผัดกับน้ำพริกเผาสูตรพิเศษที่ทางร้านปรุงขึ้นมาเอง และมีใบกระเพราทอดกรอบใส่มาด้วย ชิมแล้วเนื้อปลาดุกผัดพริกขิงกรุบกรอบได้ใจออกรสน้ำพริกเผาจัดจ้าน
เนื้อปูผัดผงกะหรี่
       และก็ต้องไม่พลาดเมนูนี้ เนื้อปูผัดผงกะหรี่ (250 บาท) เป็นปูผัดผงกะหรี่ที่กินง่าย เพราะทางร้านเลือกใช้แต่เนื้อปูทะเลที่แกะเนื้อออกมาเป็นก้อนๆ แล้วนำมาผัดกับเครื่องผงกะหรี่แบบครบเครื่องและใส่ไข่ด้วย กินแล้วสัมผัสได้ถึงเนื้อปูแน่นหวานชุ่มรสชาติเครื่องผงกะหรี่ถูกใจปากมากๆ
ฉู่ฉี่กุ้ง
       แล้วก็มาชิม ฉู่ฉี่กุ้ง (200 บาท) กันซึ่งทางร้านเลือกใช้กุ้งแชบ๊วยตัวไม่ใหญ่มาก เอามาผัดกับเครื่องแกงฉู่ฉี่ที่ทางร้านโขลกเอง และผัดกับกะทิแบบเข้มข้น ลองลิ้มแล้วถูกปากตรงที่เนื้อกุ้งนุ่มหวานเข้ากับเครื่องแกงฉู่ฉี่ที่เข้ม ข้นหอมหวานมันกะทิ เจือรสเผ็ดนิดๆ
แกงเขียวหวานไก่
       ส่งท้ายด้วยเมนู แกงเขียวหวานไก่ (90 บาท) ที่ส่งกลิ่นหอมของเครื่องแกงยั่วจมูกมากๆ เพราะทางร้านโขลกเครื่องแกงเขียวหวานเอง นำมาแกงกับกะทิที่คั้นสด และใส่เนื้ออกไก่ กินแล้วขอยกนิ้วให้ในรสชาติของแกงเขียวหวานที่เข้มข้นถึงเครื่องแกงมากๆ หอมหวานมันกะทิ เนื้อไก่ก็นุ่ม กินกับข้าวสวยร้อนๆ สุดยอดขอบอก
      
       ถึงแม้ว่าจะแนะนำมาก็หลายเมนูแล้ว แต่ว่าในรายการอาหารยังมีเมนูอาหารไทยที่ชวนชิมอีกมากมาย อาทิ สลิดหลน (80 บาท) น้ำพริกปลาทู (120 บาท) วุ้นเส้นทรงเครื่อง (90 บาท) ปลากะพงผัดพริกไทยดำ (250 บาท) ลาบปลาช่อน (200 บาท) ฯลฯ เรียกว่าแต่ละเมนูล้วนแล้วแต่เป็นอาหารไทยที่น่าลองลิ้มซึ่งทาง “สวนอาหารบ้านจิตประภัสสร” ภูมิใจนำมาเสนอให้แฟนๆ คออาหารไทยได้มาอิ่มหนำกันอย่างเต็มที่
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       “สวนอาหารบ้านจิตประภัสสร” ตั้ง อยู่ที่ 89/462 ถ.ประชานิเวศน์ 1 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. การเดินทางถ้ามาจาก ริมคลองประปาให้เลี้ยวตรงเข้ามาที่ ถ.ประชานิเวศน์ 1 มุ่งหน้าไปวัดเสมียนนารี ก่อนขึ้นสะพานข้ามคลองให้สังเกตซ้ายมือจะเห็น ซ.สัมมากร 2 หน้าปากซอยมีร้านลีลาวดีสปา ตรงเข้ามาก็จะเจอสวนอาหารบ้านจิตประภัสสร มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน เปิดทุกวัน เวลา 10.00-21.00 แต่สามารถนั่งได้ถึง 23.00 น. ถ้ามากินอาหารแนะนำว่าควรโทร.มาจองโต๊ะก่อนจะดี และทางร้านรับจัดงานเลี้ยงทั้งในและนอกสถานที่ โทร. 0-2580-4643, 0-2580-6041, 08-1434-9305 หรือเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.jitprapassorn.com/

“D’ EIFFEL” เลิศรสอาหารฝรั่งเศสต้นตำรับ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 ตุลาคม 2554 12:22 น.
บรรยากาศร้าน D’ EIFFEL ตกแต่งชวนนั่ง
       ถึงแม้ว่าการเดินทางไปชม “หอไอเฟล” ของจริงที่ประเทศฝรั่งเศส ดูจะเป็นเรื่องยากสำหรับ “ตระเวนกิน” เพราะด้วยงบประมาณในการเดินทางไปเที่ยวนั้นมีน้อยเสียเหลือเกิน
      
       แต่ถ้าเป็นเรื่องการที่จะได้ลองลิ้ม “อาหารฝรั่งเศส” นั้นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเราเลย เพราะว่าในเมืองไทยมีร้านขายอาหารฝรั่งเศสอยู่หลายร้าน และแต่ล่ะร้านก็มีอาหารฝรั่งเศสเลิศรสขนานแท้แบบต้นตำรับให้ได้ชิมกันราวกับ ว่าได้บินไปกินถึงถิ่นเลยก็ว่าได้
      
       เหมือนที่ในมื้อนี้เราไม่ต้องเสียเงินนั่งเครื่องบินไปไกลถึง ฝรั่งเศส แต่แค่ขับรถมาที่ศาลายา จ. นครปฐม ก็ได้มาลิ้มรสอาหารฝรั่งเศสที่อร่อยถูกลิ้นกันยังร้าน “D’ EIFFEL” (ดิ ไอ เฟล) ที่ร้านอาจจะไม่ได้หรูหราใหญ่โต เป็นเพียงแค่ตึกแถว 2 คูหาของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ที่ทางเจ้าของร้านคือ คุณแดง สมพร ชลมหาสวัสดิ์ นำมาตกแต่งให้สวยงามเน้นสีขาวดูสะอาดตา โปร่งโล่งสบายๆ ชวนนั่งในห้องแอร์เย็นๆ และมีโต๊ะนั่งรับลมด้านนอกด้วย
บรรยากาศภายในร้าน D’ EIFFEL
       อาหารฝรั่งเศสของที่ร้านนี้ ต้องบอกว่าเป็นสูตรสไตล์ฝรั่งเศสขนานแท้ดั้งเดิม ที่วัตถุดิบเครื่องปรุงที่สำคัญต้องนำเข้ามาจากประเทศฝรั่งเศส และผ่านการปรุงโดยเชฟสาวที่เป็นภรรยาของคุณแดงเอง ซึ่งมีฝีมือในการปรุงอาหารฝรั่งเศสได้ตามเแบบฉบับต้นตำรับแท้ๆ และมีเมนูอาหารฝรั่งเศสให้เลือกลิ้มรสมากมายในราคาไม่แพงอย่างที่คิด เพราะคุณแดงมีความตั้งใจที่จะทำร้านอาหารฝรั่งเศสให้คนเดินดินได้สัมผัสรส ชาติกันได้แบบสบายกระเป๋า
      
       สำหรับเมนูอาหารฝรั่งเศสของที่นี่มีเมนูให้เลือกลิ้มรสแบบหลากหลาย ซึ่งเมื่อมานั่งสั่งอาหารแล้วทางร้านจะเสิร์ฟขนมปังที่ทางร้านอบเองมาแบบ ร้อนๆ ให้ได้กินอุ่นกระเพาะเรียกน้ำย่อยกันก่อน แล้วค่อยสั่งเมนูอาหารมาชิมกันซึ่งมีเมนูแนะนำที่ถ้ามาที่ร้านนี้แล้วไม่ควร พลาดต้องสั่งมาลองลิ้มให้ได้ก็มีหลายเมนูด้วยกัน
ซุปเห็ด
       อย่างแรกที่อยากแนะนำเป็น ซุปเห็ด (70 บาท) เสิร์ฟมาร้อนๆ หอมกรุ่นน่าชิม ทางร้านใช้เห็ดหอมนำมาผัดกับเนย กระเทียม และมันฝรั่ง แล้วนำมาตุ๋นกับน้ำซุปเห็ดและปั่นให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน ใส่เนื้อเห็ดหอมมาด้วย เวลาเสิร์ฟเติมครีมสดลงไปอีกนิด ชิมแล้วเนื้อซุปข้นเนียนรสหอมนุ่มกรุ่นกลิ่นเห็ดหอม
ซุปกุ้ง
       ตามมาด้วยอีกหนึ่งซุป คือ ซุปกุ้ง (70 บาท) ทางร้านใช้กุ้งแชบ๊วยมาบดพร้อมกับมันกุ้ง มีหอมใหญ่ผัดกับโอลีฟออยและมันกุ้ง แล้วจึงนำมาปรุงเคี่ยวรวมกับน้ำสต็อกที่ได้จากหัวกุ้ง ใส่บรั่นดีและสมุนไพรฝรั่งเศสปรุงเคี่ยวให้ทุกอย่างเข้ากันจนสุกแล้วนำมา ปั่นอีกที พร้อมกับใส่เนื้อกุ้งและครีมสดเวลาเสิร์ฟ ลิ้มรสซุปกุ้งร้อนๆ หอมกลิ่นกุ้งขึ้นจมูก เนื้อซุปข้นรสกลมกล่อมโดนใจ
ตับห่าน
       จากนั้นมาชิมเมนูจานเด่น ตับห่าน (650 บาท) ที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะทางร้านเลือกใช้ตับห่านเกรดเอจากฝรั่งเศสมาสไลด์เป็นชิ้น แล้วทอดกับโอลีฟออย มีซอสบาซามิคที่ปรุงรสเคี่ยวตุ๋นกับไวน์แดงราดมาบนตับห่าน เสิร์ฟเคียงมาด้วยร็อคเก็ตสลัด แอปเปิ้ลทอด ลูกพีชในน้ำเชื่อม และขนมปังอบกรอบ กินตับห่านแล้วขอยกนิ้วให้รสชาติที่ยอมเยี่ยมตับห่านเนื้อด้านนอกกรอบนิดๆ เนื้อในเนียนนุ่มชุ่มน้ำซอสหอมหวานกลมกล่อมลิ้น
สตูลิ้น
       สตูลิ้น (180 บาท) เป็นอีกหนึ่งเมนูขายดี ที่นำเอาลิ้นลูกวัวที่คัดมาเป็นพิเศษอย่างดี เอามาตุ๋นกับเครื่องเทศต่างๆ ตุ๋นด้วยเตาถ่านนานกว่าครึ่งวันจนลิ้นวัวนุ่ม แล้วสไลด์มาเป็นชิ้นราดด้วยเรดไวน์ซอสที่ทางร้านปรุงขึ้นมาโดยเฉพาะ ลิ้มรสสตูลิ้นวัวเนื้อนุ่มมากแทบจะละลายได้ในปากและหอมซอสรสดี และมีผักโขมผัดเนยกับมันบดมาให้กินเคียงกัน
ปลาดอลลี่ผักโขมอบชีส
       และถ้าใครชอบกินปลาขอแนะนำ ปลาดอลลี่ผักโขมอบชีส (180 บาท) เป็นปลาดอลลี่ชิ้นใหญ่นำไปนึ่งจนสุก แล้วมีผักโขมที่นึ่งสุกปรุงรสใส่เนยสด ครีมสด และเครื่องเทศ นำมาโปะบนเนื้อปลาโรยด้วยชีสแล้วอบ เสิร์ฟมาร้อนๆ กลิ่นหอมชวนกินเนื้อปลานุ่มนิ่มรสเนียนเข้ากับผักโขม และมีเครื่องเคียงให้กินคู่กันอย่างผักต้มและมันบดรสดี
ซี่โครงแกะย่าง
       แล้วก็ต้องไม่พลาดเมนูนี้ด้วย นั่นคือ ซี่โครงแกะย่าง (690 บาท) ทางร้านนำซี่โครงแกะจากออสเตรเลียมาหมักกับเครื่องเทศฝรั่งเศสแล้วนำมาก ริลล์ เสิร์ฟมากับเห็ดผัดใส่เบคอน ผักโขมผัดกระเทียม และมีมัสตาร์ดกับมิ้นซอสมาให้ด้วย แล่ชิ้นเนื้อแกะส่งเคี้ยวเข้าปากเนื้อแกะนุ่มเคี้ยวหนึบปาก ไม่เหม็นสาบเลย ได้รสชาติเครื่องหมักที่เข้มข้นซึมถึงเนื้อในถูกปากจริงๆ
เชอรี่จูเบอรี่
       ส่งท้ายด้วยของหวาน เชอรี่จูเบอรี่ (120 บาท) เป็นเชอร์รี่เฟรมกับน้ำตาล ไวน์แดง บรั่นดี และวอดก้า เฟรมจนข้นเหนียวนิดหน่อย เสิร์ฟมากับไอศกรีมรสวนิลาใส่วิปปิ้งครีมนิดหน่อย กินแล้วสัมผัสได้ถึงความหอมหวานอมเปรี้ยวนิดๆ ของเชอร์รี่และไอศกรีมเย็นๆ ชื่นใจปากดีแท้
      
       เมนูต่างๆ ที่ได้นำมาเสนอนี้จัดว่าเป็นเมนูจานเด็ดที่ไม่ควรพลาดต้องสั่งมาลองลิ้มกัน ให้ได้ และยังมีเมนูอื่นๆ อีก อาทิ หอยเชลล์อบชีส (350 บาท) กุ้งอบชีส (240 บาท) กุ้งพริกไทยดำ (240 บาท) เป็ดซอสส้ม (250 บาท) และอีกสารพันเมนูอาหารฝรั่งเศสรสเลิศแบต้นตำรับที่สามารถมาชิมลิ้มรสกันได้ ที่ร้าน “D’ EIFFEL” แห่งนี้
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       “D’ EIFFEL” (ดิ ไอ เฟล) ตั้งอยู่ที่ 135/345 ศาลายา ซ.ศาลายา 7 (ซอยธ.กสิกรไทย) จ. นครปฐม การเดินทางถ้ามาจากถ.บรมราชชนนีให้วิ่งตรงมาจนพุทธมณฑลสาย 4 จะมีป้ายบอกทางให้ขึ้นสะพานเพื่อลงมายังถ.พุทธมณฑลสาย 4 จากนั้นกลับรถแล้วชิดซ้าย ตรงมาที่ซ.ศาลายา 7 จุดสังเกตหน้าปากซอยมีธ.กสิกรไทย ให้เลี้ยวเข้าไปในซอยจะเจอ 4 แยกเล็ก ก็ให้เลี้ยวขวาแล้วตรงมาประมาณ 150 ม. จะเห็นร้านดิ ไอ เฟลอยู่ขวามือ มีที่จอดรถหน้าร้านหรือจอดภายในซอย เปิดอังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) เวลา 11.00-23.00 น. แต่ครัวปิด 22.00 น. ถ้ามากินแนะนำว่าควรโทร.มาจองโต๊ะก่อน โทร. 0-2800-2095, 08-6898-1297