Thursday, March 8, 2012

เมนูเปี่ยมคอลลาเจน แต่ต้องรู้วิธีกิน...

credit
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
7 มีนาคม 2555 07:01 น.
By Lady Manager
       เพราะเรื่องอาหารการกินสำคัญสุดๆ จะสุขภาพดีผิวดี ก็อยู่ที่แต่ละมื้อที่คุณๆ ทานนี่แหละ และหากอยากผิวสวยเด้ง ก็คงต้องหมั่นหา “คอลลาเจน” มาทานกันสักหน่อย
      
       
หลายท่านคุ้นเคยดีกับคำว่า “คอลลาเจน” (Collagen) เพราะได้ยินตามคำโฆษณาสินค้ามามากมาย ทั้งคอลลาเจนที่เป็นอาหารเสริมแบบเม็ด, แบบน้ำบรรจุเป็นขวด ไปจนถึงครีมทาผิวก็ยังผสมคอลลาเจน... ทว่าอาจจะยังไม่ทราบว่า แท้จริงแล้วคอลลาเจนก็แฝงกายอยู่ในอาหารที่คุณทานนี่เอง หากเลือกทานกันดีๆ ก็ไม่ต้องเปลืองเงินไปซื้อหา คอลลาเจนแบบอาหารเสริมด้วยซ้ำ
      
       
“จริงๆ แล้ว หลักการกินให้ผิวสวยง่ายๆ เลยคือ เมื่อไหร่ที่คอลลาเจน ลา ...ตีนกาจะเกิด เพราะฉะนั้นเราต้องกินอาหารที่ได้คอลลาเจน แต่ได้คอลลาเจนอย่างเดียวไม่พอ หลักการกินคอลลาเจนคือ ต้องให้มันดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ไปสร้างเป็นคอลลาเจนที่ผิวได้จริงๆ เพราะฉะนั้นจะต้องรู้จักเพื่อนของคอลลาเจน นั่นคือ วิตามินซี ให้จำง่ายๆว่า วิตามินซี (Vitamin C) มันจะไปช่วยดูดซึมคอลลาเจนเข้าไปในร่างกาย”
      
       นายแพทย์กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการสถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ เกริ่นนำถึงเรื่องของ คอลลาเจน

       ต้มยำไก่ ซุปเปอร์ขาไก่ เมนูเปี่ยมคอลลาเจนและวิตามินซี
       คุณหมออธิบายต่อว่าคอลลาเจนมักอยู่ใน โปรตีนที่เป็นเนื้อสีขาว เช่น เนื้อไก่ เนื้อปลา ที่หาทานกันได้บ่อย จนคุณหมอแนะนำให้เป็นซุปสวยใกล้ตัวก็คือ ต้มยำไก่, ซุปเปอร์ขาไก่ เพราะนอกจากจะเปี่ยมคอลลาเจนแล้ว ยังมีวิตามินซีที่ช่วยดูดซึมคอลลาเจนได้ด้วย
      
       
“ในอาหารที่มีทั้งคอลลาเจน และวิตามินซี มันจะต้องมีรสเปรี้ยว และมีเรื่องของโปรตีน ที่เป็นคอลลาเจนด้วย เช่น ต้มยำไก่, ต้มซุปเปอร์ขาไก่ แบบไทยๆ นี่แหละ เป็นซุปที่เรียกว่า ซุปสวยเลย เพราะมันจะมีทั้งเรื่องของตัวคอลลาเจนจากน้ำซุปไก่จากกระดูกอ่อนไก่ และมีเรื่องของวิตามินซีจากมะนาวที่บีบลงไปด้วย แล้วไหนจะสมุนไพรอีก เพราะฉะนั้นต้มยำไก่, ต้มยำขาไก่, ต้มยำปีกไก่ นี่แหละ เป็นซุปสวยเลย
      
       สังเกตว่า ต้มน้ำซุปพวกนี้ ตักมันหน้าออกพอทิ้งไว้สักครู่ให้เย็น เราจะเห็นน้ำซุปนั้นกลายวุ้นๆ นั่นแหละ เป็นคอลลาเจนแล้ว”
      
       
ส่วนอิลาสติน (Elastin) ที่เรามักได้ยินควบคู่กันมากับคอลลาเจนนั้น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเวชศาสตร์อายุรวัฒน์อธิบายว่า สองสิ่งนี้ได้จากอาหารประเภทเดียวกันนี่แหละ
      
       
“อาหารที่ให้คอลลาเจน ก็จะให้อิลาสตินด้วยเช่นกัน ซึ่งคอลลาเจนและอีลาสตินนั้น คล้ายแต่ไม่เหมือน ถ้าจะอธิบายให้เห็นภาพคือ หากเราดึงหนังที่หลังมือขึ้นมา ตัวที่ทำให้หนังที่หลังมือคงอยู่ตัวได้คือ คอลลาเจน แต่พอเราปล่อยมือ แล้วหนังที่ดึงมามันเด้งกลับที่เดิม อันนั้นคือ อิลาสติน
      
       
นั่นคือ คอลลาเจนจะเหมือนโครงกระดูกผิว ที่ทำให้ผิวมันคงรูปอยู่ได้ แต่อิลาสตินคือ ตัวที่ทำให้มันยืดหยุ่นได้ แต่พออายุมากขึ้นแล้ว มันจะไม่ค่อยมีทั้งสองตัวนี้ เลยทำให้เมื่อดึงผิวที่หลังมือออกมาแล้ว จะยืดแล้วยืดอีก เด้งกลับช้า”
       งดแป้ง ทานแต่โปรตีน ได้คอลลาเจนสูงและผิวใสจริงหรือ?
       ปัจจุบันเทรนด์ลดความอ้วนด้วยวิธีงด ทานแป้ง เน้นทานแต่โปรตีน (เช่น ทานแต่สเต็ก แทบทุกมื้อ) กำลังได้รับความนิยม เพราะนอกจากเชื่อว่าทานแล้วจะไม่อ้วน ยังมีผลพลอยได้คือ ได้รับคอลลาเจนจากเนื้อสัตว์ที่ทานเข้าไปอีกต่างหาก สำหรับเรื่องนี้คุณหมอหนุ่มอธิบายว่า
      
       
“การทานที่เน้นโปรตีนจากเนื้อ สัตว์ต่างๆ ก็ถือว่าได้คอลลาเจนครับ แต่การทานแบบนี้อาจจะไปรบกวนไตของเราได้ ถ้าไม่มีแป้ง หรือสารอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต (Carbohydrate) เลย แล้วได้รับโปรตีนเยอะเกินไป ไตก็จะต้องทำงานหนัก จะสังเกตได้ว่า เวลาไปตรวจสุขภาพ หากไตคุณทำงานไม่ดี มันจะมีตัวโปรตีนไข่ขาว ที่เรียก อัลบูมิน (Albumin) หลุดออกมาจากไต ปนอยู่ในปัสสาวะได้
      
       ซึ่งอัลบูมินนี้จะออกมาได้ในกรณีที่หนึ่ง-ไต ทำงานไม่ดี สอง-เรากินโปรตีนเยอะเกินไป หัวกรองไตก็จะทำงานได้ไม่ค่อยดี ลองสังเกตง่ายๆ ว่า หากเรากินโปรตีนเยอะๆ ปัสสาวะจะเป็นฟองเลย มื้อไหนกินไข่ขาว, กินหมูกระทะ หรือขาหมูเยอะๆ ปัสสาวะจะเป็นฟองเลย เพราะร่างกายเราจะขับขยะโปรตีนออกมาในรูปของแอมโมเนีย (Ammonia) ทำให้ปัสสาวะมีกลิ่นฉุน และเป็นฟอง”
       

       ดังนั้นได้คอลลาเจนจากสเต็กก็จริง แต่ต้องทานอย่างอื่นด้วย เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะได้โปรตีนเยอะเกินไป จนเกิดผลเสียได้เช่นกัน
      
       โดยส่วนตัว ผมคิดว่าอาหารไทยจะดีกว่าอาหารฝรั่งตรงที่ว่า เรารู้จักเอาทั้งเนื้อที่เป็นโปรตีนและผักมารวมตัวกันได้อย่างเพอร์เฟค อย่างสเต็ก ฝรั่งเขาไม่สันทัดที่จะเอาผักมาผัดกับหมู เขาก็กินเนื้อก้อนหนึ่ง แกล้มกับผักสลัดขยุ้มหนึ่งกันเลี่ยน แค่นั้นเอง ซึ่งตรงนี้ ถ้าสลัดที่ทานแกล้ม เป็นสลัดผักสด ในผักสดมันก็จะมีไฟเตต (Phytate) ที่เป็นตัวยับยั้งการดูดซึมแคลเซียม และวิตามินอีกหลายตัวเลย ดังนั้นแม้จะได้ผักกับเนื้อก็ตาม แต่ก็อาจไม่ได้คุณค่าเต็มที่เพราะมันอยู่ที่วิธีการปรุงด้วย ฉะนั้นหากจะทานเสต็กก็ควรจะต้องทานกับผักลวกอย่างนี้เป็นต้น”

      
       “เรื่องของการทานให้ได้คอลลาเจน ผมแนะนำเป็นแบบไทยๆ เช่น ต้มซุปเปอร์ขาไก่, ปีกไก่, ต้มยำไก่ก็ยังได้ เพราะมันมีวิตามินซี ที่ช่วยดึงคอลลาเจนเข้าไป หรือจะเป็นต้มยำซีฟู้ด, ต้มยำสาหร่ายทะเลก็ยังได้ เพราะสาหร่ายทะเลก็มีคอลลาเจนที่มาจากทะเลน้ำลึกเช่นกัน หรือทานปลากระดูกอ่อน เช่น ปลาฉลาม ปลากระเบน พวกนี้มีคอลลาเจนเพียบเลย เพราะเรากินกระดูกอ่อนได้ หรือแม้แต่ปลาเล็กๆ น้อยๆ ที่มีก้าง ที่กินได้ เราก็จะได้คอลลาเจนเหมือนกัน”
      
       
คอลลาเจนแบบเม็ด จำเป็นต่อคุณแค่ไหน ?
       

       “การที่คนจะได้รับคอลลาเจนเพียงพอหรือไม่ ต้องดูที่ไลฟ์สไตล์ (lifestyle) อย่างเช่น คนทำงานออฟฟิศ (office) อาจจะไม่มีเวลาไปนั่งกินผัดปลาฉลาม หรือว่าไม่มีเวลาไปนั่งกินซุปเปอร์ขาไก่, ปีกไก่บ่อยนัก แต่มันก็มีวิธีกินง่ายๆ เช่น หากจะกินก๋วยเตี๋ยว ก็กินก๋วยเตี๋ยวกระดูกหมู พวกนี้เราก็จะได้น้ำซุปที่ทำจากกระดูกอ่อน ซึ่งเป็นคอลลาเจนเหมือนกัน แต่ถ้าอยากจะกินเป็นเม็ด ก็จะต้องแน่ใจว่า เรากินอาหารสดเพียงพอ
      
       
เพราะอย่าลืมว่าคอลลาเจนคือ โปรตีน เมื่อทานเข้าไปแล้วมันถูกน้ำย่อย ซึ่งเป็นกรดเกลือ หรือไฮโดรคลอริก (Hydrochloric acid) ของเราสลายอยู่แล้ว คอลลาเจนที่เหลือจริงๆ น้อยมาก อาจดูดซึมได้ไม่ถึง 1% ด้วยซ้ำ ดังนั้นถ้าจะให้ผลดีจริงๆ ก็อาจจะต้องทานร่วมกับวิตามินซีชนิดเม็ด หรือกินจากอาหารสดร่วมด้วย” คุณหมอกฤษดาอธิบายปิดท้าย
       *แถมท้าย* ตัวอย่างอาหารเปี่ยมคอลลาเจน
       สัตว์น้ำ -> ปลาทะเลน้ำลึก, ปลาทู, ปลากระเบน, กระดูกปลาฉลาม ซึ่งคอลลาเจนจะพบในกระดูกของปลา หรือพบบริเวณตาปลาที่มีลักษณะเป็นเหมือนวุ้นใส
       

       สัตว์บก -> พบมากในกระดูกอ่อนไก่, กระดูกอ่อนหมู
       

       พืชผัก ผลไม้ -> สาหร่าย ทะเล, เทา หรือเตา ซึ่งเป็นสาหร่ายน้ำจืด, เห็ดทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นเข็มทอง, เห็ดหูหนู, หัวบุก, ถั่วเหลือง, แตงกวา, ขึ้นฉ่าย, มะกอก, ส้มโอ, แก้วมังกร, แอปเปิล (คอลลาเจนที่พบในพืชผัก ผลไม้ จะน้อยกว่าที่พบในสัตว์)

No comments:

Post a Comment