Monday, March 12, 2012

ดื่มชาจีน...........แฟชั่นใหม่ของโลกตะวันตก

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 มิถุนายน 2547 17:26 น. 
ปัจจุบันการดื่มชาแบบอังกฤษเริ่มจะเป็นที่นิยมลดลงสำหรับคนรุ่นใหม่ เพราะการดื่มชาแบบอังกฤษจะให้ความสำคัญกับการปรุงแต่งทั้งกลิ่นและรสด้วยพืช พรรณอื่นๆ และยังต้องมีการเสิร์ฟอาหารว่างชนิดต่างๆ ที่ปรุงจากแป้ง นม และเนยเป็นหลัก ซึ่งล้วนแต่เป็นศัตรูกับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักและสัดส่วน
       และที่สำคัญคือกระแสของปรัชญาตะวันออกที่กำลังมาแรงในสหัสวรรษนี้ เป็นสิ่งที่หนุ่มสาวสมัยใหม่ให้ความสำคัญมากกว่าวิถีชีวิตแบบเดิมๆ และนี่เองคือแรงบันดาลใจให้ทายาทจากตระกูล Tseng หรือ Zeng อันเป็นตระกูลผู้ผลิตชาสำหรับราชสำนักจีน ที่เก่าแก่ที่สุดมาตั้งแต่เมื่อ 4,000 ปีมาแล้ว ได้เปิดร้านขายชาจีนทุกชนิดกลางมหานครปารีส เพื่อให้ผู้นิยมดื่มชาจีนจากทุกมุมโลก ได้มีโอกาสเลือกซื้อไปบริโภคพร้อมทั้งแนะนำการดื่มชาอย่างถูกวิธี
       Tseng Yu Hui เริ่มเปิดร้านขายใบชาที่นี่ เธอเริ่มมีลูกค้าที่ผ่านไปมามองด้วยความสนใจ บ้างก็เริ่มเข้ามาถามไถ่ถึงราคา บ้างก็ถามถึงความแตกต่างกับชาแบบอังกฤษ มักมีคำถามที่เธอต้องตอบเสมอๆ และเมื่อเธอให้คำตอบได้เป็นที่น่าสนใจ เธอก็เริ่มมีทั้งลูกค้าประจำและลูกค้าใหม่ที่เพิ่มจำนวนอย่างน่าพอใจ และการดื่มชาแบบคนจีนน่าจะกลายเป็นวัฒนธรรมใหม่สำหรับชาวตะวันตกในทศวรรษนี้
       เริ่มตั้งแต่คำถามง่ายๆแต่ตอบยากที่จะให้ลูกค้าเข้าใจในเวลาอันสั้น ถึงความแตกต่างระหว่างใบชาแห้งกับชาในถุง ที่มักเข้าใจกันว่าชาในถุงคือชาชั้นดี ซึ่งเธอต้องเพียรอธิบายว่าชาในถุงเป็นเพียง ผงชา ที่ได้มาจากการผสมของเศษชาต่างๆ ไม่ใช่ใบสดๆที่เก็บมาตากแห้ง และชาถุงนั้นยังผ่านการปรุงทั้งกลิ่นและสีจากพืชต่างๆเพื่อให้มีกลิ่นหอมที่ มิใช่กลิ่นธรรมชาติ หนำซ้ำยังมีการปรุงรสก่อนดื่มด้วยน้ำตาล นมสดหรือมะนาว เพื่อให้มีรสชาติคล่องคอและดื่มง่ายขึ้น ซึ่งนั่นคือการดื่มชาที่ไม่ใช่แบบจีน
       เพราะการดื่มชาจีนนั้นดื่มเพื่อรสชาติธรรมชาติที่แท้จริง กลิ่นก็เป็นกลิ่นที่ได้จากชนิดของต้นชา อายุที่ใช้ในการเก็บ การบ่มใบชาที่ถูกวิธี รวมถึงการชงชาที่ถูกต้องทั้งในการใช้อุปกรณ์ที่มาจากธรรมชาติ น้ำที่มาจากแหล่งที่บริสุทธิ์และอุณหภูมิที่พอเหมาะและถ้วยที่ใช้ดื่ม ด้วยองค์ประกอบเหล่านี้คือหัวใจสำคัญของการดื่มชาจีนขนานแท้
       มักมีผู้เชื่อว่าป้านชาที่ดีที่สุดต้องทำจากเหล็กหล่อ ซึ่งเธอต้องให้คำอธิบายว่าเหล็กก็เป็นวัสดุที่เป็นโลหะซึ่งต้องได้จากการถ ลุง ต้องผ่านกรรมวิธีทางเคมี ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเป็นวัสดุที่ไม่บริสุทธิ์ ไม่เหมาะกับการที่จะนำมาเป็นป้านชา ซึ่งควรเป็นป้านชาที่ทำจากดินเผาเนื้อละเอียดเท่านั้น และนอกจากนั้นการเลือกป้านชายังต้องเลือกเนื้อดินให้เหมาะสมกับชนิดของชา ด้วย เช่นชาขาว เขียวหรือ เหลืองนั้นเหมาะกับดินชนิดหนึ่ง และดื่มจากถ้วยกระเบื้องที่เรียกว่า Zhong ซึ่งจะให้กลิ่นที่หอมจัดและไม่เพี้ยน ส่วนชาสีเขียวเข้มหรือชาดำนั้นควรใช้ป้านชาที่ทำจากดินเผาเนื้อแกร่งอีกชนิด หนึ่งที่เรียกว่า Yixing จึงจะเหมาะกัน
       และที่สำคัญคือการต้มชานั้นต้องไม่ต้มจนน้ำเดือดพล่านเป็นฟอง เพราะน้ำที่ร้อนจัดจนเกินไปจะไปขับรสของชาให้ขมจัดไม่รื่นรมย์ในการจิบ และมีผลต่อชาในการดื่มถ้วยต่อๆไป ส่วนป้านชานั้นเมื่อดื่มเสร็จก็ทำความสะอาดเพียงด้วยน้ำเปล่าเท่านั้น ปล่อยให้คราบตะกรันคงไว้ที่ก้นป้านไม่ต้องแคะออก และห้ามทำความสะอากด้วยสารเคมีใดๆทั้งสิ้น
       เธอกล่าวว่าชาจีนที่ดีนั้นมีอยู่ตามภูเขาในดินแดนตะวันออก ซึ่งเธอต้องใช้เวลารอนแรมไปตามทิวเขาทางตอนใต้ของจีนและไต้หวัน เพื่อทำการชิมและคัดเลือกซื้อใบชากลิ่นและพันธุ์ต่างๆ ซึ่งแต่ละชนิดก็จะเหมาะสมกับการดื่มในแต่ละโอกาส และตามรสนิยมของผู้บริโภครวมถึงวัยและสุขภาพและสภาพดินฟ้าอากาศด้วย
       ดังนั้นการดื่มชาจึงเป็นทั้งศาสตร์ และศิลป์ที่คู่กับชาวจีนมาเป็นเวลานับพันปี ผู้ที่จะมีความเชี่ยวชาญต้องเป็นผู้ที่ศึกษามาจากบรรพบุรุษ ต้องศึกษาจากผู้รู้ ด้วยการดื่มชานั้นเริ่มมาจากความรู้ที่ได้จากการสังเกตุ และบอกเล่าต่อกันมาไม่ได้มีผู้ที่เขียนเป็นตำราเฉพาะอย่าง นอกจากเพียงข้อควรรู้และข้อควรปฏิบัติเท่านั้น
      
       ละนี่คือสิ่งที่ใหม่สำหรับชาวตะวันตก ทั้งที่ความรู้ในการดื่มชานั้นเป็นความรู้พื้นฐานสำหรับแทบทุกบ้านของชาวจีน ซึ่งบรรดาสมาชิกในครอบครัวจะเริ่มเรียนรู้และซึมซับทีละเล็กละน้อยจาก บุพการี จนกลายเป็นความรู้ประจำตัว เช่นเดียวกับความรู้ในเรื่องของไวน์ที่ชาวตะวันตกส่วนใหญ่มักมีความรู้อยู่ แล้วในทุกคน แต่กลับเป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้จากตำรับตำราของชาวตะวันออกที่เพิ่งเริ่ม มานิยมบริโภคเช่นเดียวกัน
      
       ชาจีนซึ่งเป็นที่นิยมทางซีกโลกตะวัน ออกมาเป็นเวลาหลายพันปี กำลังจะขยายความนิยมสู่อีกซีกโลกหนึ่งพร้อมๆกับปรัชญาตะวันออก อันเป็นแนวทางในการดำรงชีวิตแนวใหม่ ต่างไปจากแนวเดิมคือการแสวงหาอาณานิคม บางทีปรัชญาแนวใหม่อาจให้แนวความคิดที่ต้องสุขุม รอบคอบ อดทน ละเมียดละไม เช่นเดียวกับการดื่มชาแบบจีน........ที่ยังคงไม่เคยเปลี่ยนแปลงมานานแสนนาน

No comments:

Post a Comment