Friday, January 27, 2012

อิ่มหนำสำราญที่ร้าน"โอยั๊วะ"

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 สิงหาคม 2549 16:38 น. 
บรรยากาศความครื้นเครงภายในร้านโอยั๊วะ
       หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมาตลอดทั้งวัน คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้พักผ่อน แลกเปลี่ยนอรรถรสพบปะพูดคุยกับเพื่อนฝูง สังสรรค์กันให้หายเหนื่อย
      
       "ผู้จัดการตระเวนกิน" ก็เช่นกัน ต้องการหาสถานที่พักผ่อนที่อิ่มเอมท้อง และอิ่มเอมใจ ในบรรยากาศสบายๆและก็ได้ร้าน"โอยั๊วะ" แถวย่านพหลโยธิน ซึ่งเป็นร้านอาหารสไตล์ผับและเรสเตอรองต์
      
       ชื่นชอบร้านนี้เพราะมีหลากหลายมุม และเก๋ไก๋ด้วยโต๊ะเก้าอี้หลายหลากรูปทรง ให้เลือกนั่งตามแต่ใจ มีมุมเคาน์เตอร์บาร์ มุมโต๊ะนั่งด้านหน้าติดขอบเวทีนักดนตรี ได้ฟังเพลงเพราะอย่างใกล้ชิด แล้วก็มีมุมโต๊ะพลูให้เล่นผ่อนคลายอารมณ์
ปีกไก่ทอดน้ำปลา
       ส่วนด้านในจัดตกแต่งเหมือนสวนหลังบ้าน ซึ่งมีบรรยากาศรายล้อมไปด้วยต้นไม้ สีเขียวชอุ่มรอบบริเวณ สำหรับเพลิดเพลินไปกับการกินข้าวท่ามกลางธรรมชาติ ร่มครึ้มชวนนั่งผ่อนคลายอารมณ์
        และยังมีมุมด้านในสุดที่จัดให้มีจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ ไว้ให้บริการแก่ผู้ที่ชื่นชอบการนั่งกิน นั่งดื่ม ไปพร้อมๆ กับการชมรายการสุดโปรด รักความสงบต้องการความเป็นส่วนตัว คุยสบายๆ ใต้เสียงเพลงเบาๆ
      
       หลังจากหามุมเหมาะนั่งได้แล้ว "ผู้จัดการตระเวนกิน"ก็พลิกเมนูเตรียมสั่งอาหารเรียกน้ำย่อยกันทันที ก็มีทั้งกับข้าวและกับแกล้มควบคู่กันไป เมนูแรกสะดุดตาด้วยซื้อคือ ต้มแซบโอยั๊วะ (90 บาท) เป็นต้มแซบที่ใช้กระดูกหมูอ่อนต้มจนนิ่ม ปรุงรสด้วยสูตรพิเศษ เสิร์ฟมาแบบร้อนๆ
      
       ชิมครั้งแรกจะรับรู้ได้ถึงรสชาติที่เปรี้ยวจัดจ้านจากน้ำมะนาว และอารมณ์เผ็ดจากพริกแห้งที่มีทั้งแบบป่นผสมอยู่ในน้ำแกง และเป็นเม็ดลอยแช่อยู่ในถ้วย ส่วนกระดูกหมูอ่อนก็กลืนได้ทันที แทบไม่ต้องเคี้ยวนุ่มลื่นลงคอ โรยหน้าด้วย ผักชี ต้นหอม ส่งกลิ่นหอมกรุ่นมาแต่ไกล
ยำปูดอง
       อีกจานเป็น ปีกไก่ทอดน้ำปลา (90 บาท) เป็นปีกไก่ขนาดใหญ่ ที่นำมาหมักและคลุกเคล้ากับน้ำปลา ก่อนจะนำไปทอดจนเหลืองกรอบ แม้จะได้ชื่อว่าปีกไก่ทอดน้ำปลา แต่ทว่ารสชาติของมัน กลับมีความหอมหวานมากกว่าที่จะเค็ม งานนี้แย่งกันแทะจะเหลือแต่กระดูก
      
       ตามมาติดๆด้วย ยำปูดอง (120 บาท) ที่นี่ใช้ปูทะเลสดตัวโตมาดอง เมื่อลูกค้าสั่งก็จะนำปูมาผ่าและทุบกระดองให้แตก เสิร์ฟบนจานบนตัวปูจะมี กระเทียมสดหั่นเป็นแว่นๆวางโรยหน้า
       ราดน้ำยำให้ทั่วตัวปูน้ำยำมีหน้าตาเหมือนกับน้ำจิ้มซีฟู้ด มีส่วนผสมของพริกขี้หนูป่น มะนาว กระเทียมบด น้ำปลา น้ำตาล รสชาติออกเปรี้ยวจากตัวน้ำยำ และมีความหวานจากเนื้อปู ปนกับความเผ็ดจากรสของกระเทียม ที่โรยหน้าไว้ทั่วตัวปู
หมูซ่อนเล็บ
       อีกจานตามมาอย่างต่อเนื่องด้วยจานเด็ด ส้มตำทอด (150 บาท) ถ้าเป็นส้มตำธรรมดาก็คงไม่กล้าแนะนำแต่เมื่อเป็นส้มตำทอดจึงมีความแปลกและ พิเศษอยู่ในตัวไม่ว่าจะเป็นน่าตาที่น่ากินเพราะมีทั้งกุ้งขาวที่นำมาชุบแป้ง ทอดจนเหลืองกรอบ
       กับปลาหมึกลวกชุบแป้งทอด มะละกอก็ขูดเป็นเส้นก่อนจะนำมาทอดกรอบ เวลากินก็จะแยกกินกับน้ำส้มตำ ที่โขลกและปรุงรสมาอย่างดี รสชาติจานนี้มีความลงตัว โดดเด่นที่ความกรอบของเนื้อมะละกอที่นำไปทอด
      
       จานสุดท้ายเป็นเมนูที่น้องๆบริกรในร้านเป็นคนแนะนำคือ หมูซ่อนเล็บ(90 บาท)มองไปมองมาคล้ายหมูปั้นก้อนแต่ข้างในเป็นการนำเนื้อหมูมาสับรวมกับกุ้ง แล้วคุลกเคล้าด้วยกระเทียม พริกไทย ชุบกับเกล็ดขนมปังแล้วทอดภายในจานจะมี พริกกับกระเทียม เสิร์ฟเป็นเครื่องเคียงมาด้วย รสชาติกลมกล่อมครบเครื่องดี
ส้มตำทอด
       หลังจากอิ่มแล้วก็ยังไม่อยากจะลุกไปไหน เลยลองพลิกเมนูดูเล่นๆ ก็พบอาหารน่ากินอีกหลายอย่างทั้ง แกงส้มชะอมไข่กุ้งสด (120 บาท),ไก่นาคั่วเค็ม (80 บาท),ส้มตำกุ้งสด(80 บาท),กุ้งแช่น้ำปลา(100 บาท),ปลาทูต้มมะดัน(90 บาท) ใครที่อ่านจนจบแล้ว หลังเลิกงานถ้ายังหาที่ผ่อนคลายอารมณ์ไม่ได้ ก็อย่าลืมพิจารณาร้าน"โอยั๊วะ"แล้วกัน

No comments:

Post a Comment