|   | บรรยากาศโต๊ะนั่งด้านล่างของร้าน Parc |  
  |       |           เอาอีกแล้วเหล่าก๊วนเพื่อนสนิทมิตรรักนักกินของ "ตระเวนกิน"  นัดรวมก๊วนกันมาเฮอาปาร์ตี้กับการกินกันอีกแล้ว  โดยในมื้อนี้สถานที่ปาร์ตี้แบบอิ่มหนำของพวกเรา มุ่งตรงมาแถวหลังสวนลุมพินี  เพราะสืบรู้มาว่ามีร้านอาหารน้องใหม่สไตล์เรสเทอรองค์แอนด์บาร์เปิดใหม่  ซึ่งมีความน่าสนใจทั้งด้วยบรรยากาศร้าน  และอาหารที่ทางร้านเขานำเสนออาหารสไตล์อเมริกันและอิตาเลียนที่ชวนให้เดิน ทางมาลองลิ้มกัน
  |  
             |   | เคาน์เตอร์บาร์ที่บริการเครื่องดื่มแบบครบครัน |  
  |       |           ร้านที่ว่านี้ก็คือร้าน "Parc" (พาร์ค  เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลว่า สวน) ที่เพียงแค่เห็นตัวร้านที่กรุกระจกใสแบบโล่งๆ  ก็ช่างดูโปร่งสบาย  เมื่อเดินเข้ามาด้านในก็สัมผัสได้กับการตกแต่งร้านแบบสไตล์คอนเทมโพรารี่  ผสานสไตล์นิวยอร์คนิดๆ และเล่นแสงไฟสีเหลืองนวลตา  สร้างอารมณ์อบอุ่นแบบโรแมนติกได้อีกแบบ มีโต๊ะนั่งเบาะนุ่มแบบแนวยาว  และมีมุมโต๊ะนั่งเล็กๆ แบบส่วนตัวด้วย  ยังไม่พอที่ชั้นล่างนี้ยังมีมุมเคาน์เตอร์บาร์ที่จะมีบาร์เทนเดอร์มาคอยให้ บริการเครื่องดื่มแบบครบครัน รวมถึงมีไวน์บริการด้วย  แล้วเมื่อเดินขึ้นมาที่ชั้น 2 ของร้าน  ก็มีโต๊ะนั่งมุมสบายให้เลือกนั่งกันตามใจชอบ แถมยังเปิดเพลงเพราะๆ  ให้ฟังอย่างเพลินเพลิด               บรรยากาศอันพาให้ชวนนั่งอย่างนี้  ก็ต้องควบคู่กับอาหารที่ชวนกินเช่นกัน  ซึ่งอย่างที่บอกไว้แล้วนั้นว่าที่ร้านนี้เขาเน้นบริการอาหารฝรั่งสไตล์ อเมริกันและอิตาเลียน ที่มีเมนูอันน่าลิ้มลองมากมาย  อย่างที่พวกเราเลือกสั่งกันแบบตามใจชอบ และเลือกเอาแต่เมนูเด่นๆ  ก็มีหลายเมนูด้วยกัน
  |  
             |   | Calamari Fritti |  
  |       |           นำเสนอจานแรก Calamari Fritti (150 บาท)  คือปลาหมึกชุบแป้งทอดที่อาจดูเหมือนเป็นเมนูธรรมดาๆ  แต่ขอบอกว่ารสชาติไม่ธรรมดาอย่างที่คิด เพราะเป็นหมึกกล้วยหั่นมาเป็นวงๆ  ชุบแป้งปรุงรสทอดมาจนเหลืองกรอบ  ส่งชิ้นหมึกชุปแป้งทอดเข้าปากเคี้ยวกรอบนอกนุ่มในเนื้อแน่นหนึบ  จิ้มกินคู่กับซอสเปรี้ยวหวาน และเทาซันซอสเพิ่มรสชาติ
  |  
             |   | Soft Shell Crab Salad |  
  |       |           ต่อด้วยเมนูนี้ Soft Shell Crab Salad (220 บาท)  เป็นสลัดปูนิ่ม ที่ปูนิ่มมาแบบทั้งตัวชุบแป้งทอดกรอบ  มาพร้อมกับสลัดผักไฮโดรโพนิกส์ ราดด้วยน้ำสลัดบาซามิก  เมนูเด่นที่ปูนิ่มเนื้อกรอบนอกนุ่มใน กินเข้ากันกับสลัดผักสดๆ  กลมกล่อมน้ำสลัดบาซามิก
  |  
             |   | Spicy Mussels |  
  |       |           พอสลัดหมดจานพวกเราสั่ง Spicy Mussels (200 บาท)  มากินกัน เมนูนี้หน้าตาดีชวนกินมากๆ เป็นหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ตัวใหญ่  ราดด้วยซอสสไปซี่สูตรเด็ดของทางร้าน แล้วนำไปอบจนหอยสุกได้ที่  เสิร์ฟมาร้อนๆ  ลิ้มรสชาติหอยเนื้อนุ่มหวานสดผสานกลมกลึงเข้ากับรสชาติซอสสไปซี่ที่ออกหวาน นิดๆ เผ็ดลิ้นหน่อยๆ
  |  
             |   | Salmon pink Sauce |  
  |       |           หลังจากกินเมนูหอยไปแล้วเลือกที่จะสั่งเมนูปลามากินบ้าง มีชื่อว่า Salmon pink Sauce (220  บาท) เป็นปลาแซลมอนจากแอตแลนติคเอามาทำให้พอสุก  แล้วมีเส้นสปาเก็ตตี้ที่นำมาผัดกับพิงค์ซอสสูตรเฉพาะของทางร้านใส่มาด้วย  กินแซลมอนเนื้อนุ่มหวาน  เข้าคู่กับเส้นสปาเก็ตตี้ที่ออกรสชาติซอสที่กลมกล่อมปาก
  |  
             |   | Grilled Tenderloin Pepper Sauce  |  
  |       |           อีกหนึ่งเมนูจานเด่นที่เลือกมากินเป็น Grilled Tenderloin Pepper Sauce  (450 บาท) คือ เนื้อสันในย่างซอสพริกไทยดำ เป็นเนื้อออสเตรเลียส่วนสันใน  เอามากริลล์ (สามารถสั่งได้ว่าเอาสุกมากสุกน้อย) แล้วก็ราดด้วยซอสพริกไทย  แล่ชิ้นเนื้อเคี้ยวเข้าปากเนื้อเคี้ยวนุ่มชุ่มความหวานของเนื้อที่ดี  ผสานเข้ากับรสชาติซอสพริกไทยดำรสเด็ด
  |  
             |   | Original Mama’ s Pancake |  
  |       |           และแม้ว่าพวกเราจะอิ่มกับอาหารคาวไปหลายอย่าง แต่ก็ไม่ลืมที่จะสั่งของหวานมากินกันด้วย ที่แนะนำคือOriginal Mama’ s Pancake  (80 บาท) เป็นแพนเค้กแป้งสูตรจากอเมริกาที่ทางร้านผสมปรุงแต่งเอง  ทำมาทำเป็นแพนเค้กสีเหลืองหอมชวนกิน ราดด้วยน้ำผึ้ง  และมีวิปปิ้งครีมให้กินแกล้มกัน แพนเค้กเนื้อนุ่มนิ่มออกรสเค็มนิดๆ  แต่ก็ได้ความหวานจากน้ำผึ้งถูกปากดี
  |  
             |   | บรรยากาศโต๊ะนั่งชั้น 2 |  
  |       |           มื้อนี้พวกเราเล่นกินกันเสียอิ่มท้อง แต่ก็ยังแอบเห็นว่าในเมนูยังมีอาหารอีกหลายอย่างที่ชวนกิน อาทิ Seared Tuna Salad (180 บาท) Bruschetta (120 บาท) Charcoal Grilled Lamb Rack (480 บาท) ฯลฯ รวมถึงเครื่องดื่มของที่นี่ก็ชวนดื่มมีทั้งแบบค็อกเทลและม็อกเทล อาทิ Frozen Lychee Mint (80 บาท) Green Parc (80 บาท) Lumpini  (220 บาท) และเครื่องดื่มอื่นๆ อีกมากมาย  ที่ชวนให้ทั้งดื่มและกินกันมากมาย  เรียกว่าอิ่มเอมสำราญแบบเต็มอิ่มเมื่อมาที่ร้าน "Parc" แห่งนี้ | 
No comments:
Post a Comment