Friday, November 25, 2011

“ปลาหมึกแดดเดียว” เคี้ยวหนึบถึงใจ

โดย : กุ๊กเล็ก


       ถ้าหากถามว่าเมนูเด็ดจากปลาหมึกนั้นมีอะไรบ้าง สิ่งที่ตอบได้อย่างแรกก็คือ ปลาหมึกย่าง ที่จะได้รสชาติความสดอร่อยของปลาหมึก รวมกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บที่อร่อยโดนใจ แต่ถ้าเบื่อเมนูนี้แล้ว ก็จะนำไปต้มยำทำแกงได้อีกหลายเมนู อย่างในมื้อนี้ที่ “กุ๊กเล็ก” ก็มีเมนูอร่อยเด็ดจาปาหมึกมาให้ลองทำกันดู นั่นก็คือ “ปลาหมึกแดดเดียว”
      
       ส่วนผสมมีดังนี้
       ปลาหมึกกล้วยตัวใหญ่ ประมาณ 1-1 1/2 กิโลกรัม
       น้ำปลาอย่างดี 5 ช้อนชา
       น้ำตาลทราย 2 1/2 ช้อนชา
       น้ำมันสำหรับทอด
      
       วิธีทำ เริ่มจากนำปลาหมึกมาล้างให้สะอาด ลอกหนังออก แล้วพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ จากนั้น ผสมน้ำปลาและน้ำตาลทราย คนให้เข้ากันจนน้ำตาลละลายดี นำปลาหมึกลงไปหมักกับน้ำปลาและน้ำตาลในกล่อง หรือกะละมังใบใหญ่หน่อย จะได้ไม่ต้องซ้อนตัวปลาหมึก ทำให้ปลาหมึกเค็มเท่ากันทั่วทั้งตัว หมักทิ้งไว้อย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง หรือจะหมักทิ้งไว้ข้ามคืนก็ได้ จากนั้นนำมาตากแดดจนปลาหมึกหมาด (ถ้าแดดแรงก็ตากประมาณ 2-3 ชั่วโมง) พอได้ที่แล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นพอคำ นำกระทะตั้งไฟกลาง ใส่น้ำมันพอร้อนแล้วใส่ปลาหมึกลงทอดพอเหลือง แล้วตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน ยกขึ้นเสิร์ฟได้เลย


“ซาโมซ่าไส้ผักรวม” อาหารว่างสไตล์อินเดีย โดนใจแบบไร้เนื้อสัตว์
 โดย : กุ๊กเล็ก


       เทศกาลเจแบบนี้ หลายๆ คนคงอยากจะเสาะหาสูตรอาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์มาทำกินกันในบ้าน “กุ๊กเล็ก” เลยอยากจะเอาใจคนกินเจเสียหน่อยกับเมนู “ซาโมซ่าไส้ผักรวม” อาหารว่างแบบอินเดีย ที่ได้สูตรอร่อยนี้มาจากโรงแรมใบหยกสวีท รสชาติซาโมซ่าจานนี้อร่อยครบเครื่องด้วยส่วนผสมนานาชนิดแบบไร้เนื้อสัตว์
      
       ส่วนผสมมีดังนี้
       มันเทศ 200 กรัม
       มันฝรั่ง 200 กรัม
       ถั่วลันเตา 200 กรัม
       แครอท 100 กรัม
       มะเขือเทศ 100 กรัม
       หอมใหญ่ 300 กรัม
       วุ้นเส้น (แช่น้ำแล้ว) 300 กรัม
       แผ่นแป้งเปาะเปี๊ยะ 500 กรัม
       ผงขมิ้น ½ ช้อนชา
       ผงมัสล่า 1 ช้อนโต๊ะ
       น้ำตาลทราย 1 ½ ช้อนโต๊ะ
       พริกป่นอินเดีย 1 ½ ช้อนโต๊ะ
       เกลือ ½ ช้อนโต๊ะ
       พริกไทย ½ ช้อนโต๊ะ
       น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ
       เนยอินเดีย 2 ช้อนโต๊ะ
       น้ำมันพืช (สำหรับทอด) 3 ถ้วย
       แป้งเปียกสำหรับห่อ
      
       วิธีทำ เริ่มจากนำผักต่างๆ มาหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็กๆ เตรียมไว้ จากนั้นตั้งกระทะไฟกลาง ใส่เนยอินเดีย นำหอมใหญ่ลงผัดให้หอม จากนั้นใส่มันเทศ มันฝรั่ง แครอท และถั่วลันเตา ผัดจนเกือบสุก ใส่ผงขมิ้น ผงมัสล่า พริกป่นอินเดีย ปรุงรสรสด้วยเกลือ พริกไทย และน้ำตาลทราย ใส่น้ำเปล่า รอจนเดือด แล้วจึงใส่มะเขือเทศและวุ้นเส้นลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน ผัดจนสุกแห้งดีก็ยกลงจากเตาแล้วพักไว้
      
       นำแผ่นแป้งเปาะเปี๊ยะมาห่อกับไส้ที่ผัดไว้ ห่อให้เป็นรูปสามเหลี่ยม ใช้แป้งเปียกทาตรงส่วนที่ทับกันเพื่อให้ซาโมซ่าไม่แตกแยกออกจากกัน จากนั้นนำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันพืช รอจนร้อน นำซาโมซ่าที่ห่อไว้ลงทอดให้เหลืองกรอบ แล้วตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จาน กินเป็นของว่างรองท้องให้อร่อยปาก หรือจะเสิร์ฟอาจาดกินคู่กันมาด้วยก็ยังได้


“สเต็กแซลมอนไวท์ซอส” อิ่มเบาๆ เต็มคุณค่า
โดย : กุ๊กเล็ก


       ช่วงนี้ “กุ๊กเล็ก” รู้สึกว่าอยากจะกินอะไรเบาๆ เพื่อไม่ให้กระเพาะทำงานหนักมากนัก แต่ก็ยังอยากได้สารอาหารที่ครบถ้วนอยู่ ก็เลยลองเสาะอาเมนูเด็ดมาทำกินเองที่บ้าน ซึ่งก็คือเมนู “สเต็กแซลมอนไวท์ซอส” ที่ได้ประโยชน์ทั้งจากเนื้อปลาและผักเครื่องเคียงต่างๆ
      
       ส่วนผสม
       เนื้อปลาแซลมอน ชิ้นละประมาณ 150 - 200 กรัม
       เกลือป่น 1 ช้อนชา
       พริกไทยดำป่น 1 ช้อนชา
       เนยละลาย 2 ช้อนโต๊ะ
       นมสด 1 ถ้วย
       หอมหัวใหญ่ซอย 1/4 ถ้วย
       กานพลู 3-4 ดอก
       วิปปิ้งครีม 1 ช้อนโต๊ะ
       แป้งข้าวโพด 1/2 ช้อนชา
       ไวน์ขาว 1 ช้อนโต๊ะ
       มันฝรั่ง แครอท บล็อกโคลี หรือผักเครื่องเคียงอื่นๆ
      
       วิธีทำ เริ่มจากล้างปลาแซลมอนให้สะอาดแล้วผึ่งไว้ให้สะเด็ดน้ำ โรยเกลือ 1/2 ช้อนชา และพริกไทย 1/2 ช้อนชา ลงบนเนื้อปลาให้ทั่วทั้ง 2 ด้าน นำกระทั้งตั้งไฟกลาง ใส่เนยละลาย 1 ช้อนโต๊ะ แล้วนำเนื้อปลาลงทอดโดยเอาส่วนที่เป็นหนังลงก่อน ทอดจนหนังกรอบแล้วจึงกลับด้านทอดพอสุกแล้วตักขึ้นพักไว้
      
       ส่วนไวท์ซอสเริ่มจากนำนมสดไปต้มพร้อมกับกานพลูและหอมหัวใหญ่ซอยจนหอม เปื่อย จากนั้นกรองเอากากออก ให้เหลือแต่นมสดที่ต้มแล้ว พักไว้ก่อน นำกระทะตั้งไฟ ใส่เนยละลาย 1 ช้อนโต๊ะ แล้วใส่แป้งข้าวโพดผัดพอสุก จากนั้นเทนมที่พักไว้ใส่ลงไป คนให้เข้ากัน ใส่วิปปิ้งครีม เกลือ 1/2 ช้อนชา และพริกไทย 1/2 ช้อนชา พอเดือดอีกครั้งเมไวน์ขาวตามลงไป ปิดไฟ และตักราดเนื้อปลาที่ทอดไว้แล้ว เสิร์ฟพร้อมกับมันฝรั่ง แครอท และบล็อกโคลีต้มเพิ่มคุณค่าทางอาหาร แต่หากชอบผักชนิดอื่นก็สามารถปรับเปลี่ยนได้

No comments:

Post a Comment