Tuesday, February 14, 2012

ขอต้อนรับสู่ "ทำเนียบขาว" (DINNER WITH HILLARY CLINTON) ดินเนอร์กับ "นางฮิลลารี่" / สันติ เศวตวิมล

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 มกราคม 2555 16:22 น.
 โดย : สันติ เศวตวิมล
ภายในห้องดินเนอร์ทำเนียบขาว
       ครั้งหนึ่งในชีวิตของอีชั้น ก็เคยดินเนอร์ในทำเนียบ เรื่องมันยาว เอาว่าตอนนี้ดินเนอร์กับนางคลินตันมีเรื่องน่าเปิบพิสดารมากมาย
      
       สัปดาห์นี้..."ป้าช้อย" ไม่พาผมไปเปิบพิสดาร อาหารอร่อย...อร่อยเหมือนทุกสัปดาห์
      
       ป้าถือหนังสือฝรั่งเล่มโต หนักเป็นกิโลฯ มาให้ผมอ่าน อธิบายให้ผมเข้าใจด้วยว่าทำไมจึงอยากให้ผมอ่าน
ขนมปังราดซอส "มาเพิลไซรับ" กับถั่วอัลมอนด์
       "เพื่อนป้าส่งมาจากอเมริกาเป็นของขวัญปีใหม่"
      
       เมื่อผมพลิกดูก็สงสัย เพราะชื่อหนังสือไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับเปิบพิสดาร
      
       หนังสือชื่อ "AN INVITATION TO THE WHITEHOUSE" หรือเป็นแปลไทยก็ได้ความว่า "ขอต้อนรับสู่ทำเนียบขาว"
      
       หน้าปกก็มีรูป "นางคลินตัน" หรือเรียกกันให้เต็มยศก็ต้องว่า "ฮิลลารี่ คลินตัน" ยืนยิ้มเห็นฟันขาว คงจะถ่ายที่ห้องรับแขกในทำเนียบขาว เหมือนกำลังคอยต้อนรับแขกที่จะเข้ามาเยือน
จานแรก หอยเชลล์สไตล์ "คาจูน"
       ขอต้อนรับสู่ทำเนียบขาว
       ณ บ้านที่เป็นประวัติศาสตร์
       (AN INVITATION TO THE WHITEHOUSE AT HOME HISTORY)
      
       หนังสือเล่มนี้เขียนถึงเรื่องราวของนางคลินตันในระหว่างพักอยู่ "ทำเนียบขาว" ในฐานะเป็นภรรยาของประธานาธิบดีบิล คลินตัน
      
       เรื่องเล่าถึงภายในตัวทำเนียบที่มีประวัติความเป็นมาน่าสนใจ รวมทั้งเรื่องราวของแขกที่ได้รับเชิญเข้ามาสู่สถานที่ประวัติศาสตร์ชาติ อเมริกัน ซึ่งประกอบด้วยผู้นำและบุคคลสำคัญของประเทศต่างๆ ในโลก ผู้สร้างคุณงามความดีให้กับประเทศอเมริกา ทหารกล้าผู้ผ่านศึกสงคราม ศิลปินและผู้ประสบความสำเร็จในอาชีพต่างๆ รวมทั้งผู้ยากไร้และผู้พิกลพิการทุกคนที่ได้รับเชิญมามีหลักการพิจารณา ว่า...จะต้องเป็นผู้ที่มีเกียรติ เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ มีคุณค่าเป็นที่ยอมรับของสังคม
จานสอง ไก่ซอสมะม่วงผสมน้ำผึ้ง
       "คาร์ล เอนโทนี" นักเขียนประวัติศาสตร์ชาวอเมริกันเขียนสรุปคุณค่าของหนังสือเล่มนี้ว่า
      
       ...หนังสือเล่มนี้เขียนทำให้ทำเนียบขาวมีชีวิตประการหนึ่งที่ทำให้ชีวิตมีชีวาก็เพราะรสอาหารและดนตรีกวีนิพนธ์...
      
       อย่างที่ผมเขียนเรียนว่า หนังสือเล่มนี้ใหญ่โตขนาดตัดพิเศษ 24 หน้ายก มีจำนวนถึง 300 กว่าหน้า กระดาษที่พิมพ์เป็นกระดาษอาร์ตมัน พิมพ์สี่สี มีรูปภาพมากมายเป็นพันรูป
      
       รูปเหล่านี้ถ่ายในทำเนียบขาวตามเหตุการณ์วาระต่างกัน ทำให้เห็นว่าการเป็นประธานาธิบดี หรือเป็นภรรยาของประธานาธิบดีเป็นงานที่หนักหนาสาหัส
ของหวาน "ขนมผลไม้"
       ไม่ใช่เป็นหัวคะแนน ไม่ใช่เป็นพี่น้องของผู้นำทางการเมือง หรือเป็นนักการเมืองอาชีพ หรือเป็นผู้มีเงินทองความร่ำรวยมหาศาล ก็สามารถเป็นใหญ่ในบ้านเมืองนี้ได้
      
       คนที่จะมาบริหารบ้านเมือง ประการแรกจะต้องมีความเสียสละ และประการต่อมาจะต้องมีการศึกษา มีความรอยรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวมากมาย...และที่สำคัญแม้แต่ความรู้หรืออาหารคาวหวานหรือศิลปสาขาต่างๆ ก็ต้องมีความเข้าใจ
      
       ในหนังสือเล่มนี้ คุณก็จะได้เห็นความเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถรอบด้านของ "นางฮิลลารี่" เมื่อครั้งเธอเป็น "สตรีหมายเลข 1" ของอเมริกา จนกระทั่งปัจจุบันเธอก็ยังเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ ตำแหน่งที่ถือว่าเป็นหน้าตาของประเทศ
      
       เมื่อเร็วๆ นี้เธอก็เดินทางมาเมืองไทยพร้อมกับกลับด้วยข่าวที่เธอเขียนบันทึกเตือนความจำไว้ว่า
      
       เธอไม่เข้าใจถึง 21 ครั้งในการพูดคุยกับผู้นำของประเทศไทยที่ใช้ภาษาอังกฤษสนทนา
       เรื่องนี้เป็นความเข้าใจผิดของนาง "คลินตัน" เพราะภาษาอังกฤษมีความสำคัญสำหรับผู้บริหารบ้านเมือง เพราะเป็นภาษาของโลก ประเทศต่างๆ ทั่วโลกใช้ภาษาองกฤษมากกว่าทุกภาษา
      
       นางฮิลลารี่ถึงจะมีความรอบรู้เก่งกาจอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่บางทีเธออาจจะไม่รู้ว่า...ในประเทศไทยประเทศนี้ ภาษาอังกฤษไม่ได้ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ
      
       นักการเมืองที่พูดอังกฤษชนิดฟุต...ฟิต ฟอ...ไฟ ไอ...ไอ ยู...ยูจึงสามารถเป็นใหญ่เป็นโตได้ในประเทศนี้ครับ
      
       "สันติ เศวตวิมล"
      
       (ดูรายละเอียดเรื่องเมนูอาหารใน "ทำเนียบขาว" กับนาง "ฮิลลารี่ คลินตัน" ได้ที่ www.simonsays.com)

No comments:

Post a Comment