Wednesday, September 14, 2011

มื้อเด็ด มื้อด่วน กับ “ข้าวผัดน้ำพริกทูน่า”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 พฤศจิกายน 2547 16:11 น.

โดย : กุ๊กเล็ก


       ชีวิตคนเมืองกรุงอย่าง “กุ๊กเล็ก”นี่ ช่วงเวลาในแต่ละวันมันช่างเร่งรีบเสียจริงเชียว ตื่นแต่เช้าออกมาทำงาน กว่าจะได้กลับบ้านนอนก็มืดค่ำ ส่วนเรื่องอาหารการกินไม่ต้องพูดถึง หาอาหารอะไรง่ายๆ แถวออฟฟิศนั่นแหละกินเอา ง่ายดี ประหยัดเวลา
      
       แต่บางครั้งบางครา “กุ๊กเล็ก” ก็นึกครึ้มอกครึ้มใจขึ้นมา ทำอาหารใส่กล่องมากินที่ออฟฟิศเองก็อร่อยดีฝีมือเรา อย่างเมนูง่ายๆกับ “ข้าวผัดน้ำพริกทูน่า” ที่ใช้เวลาในการปรุงไม่มาก ไม่เสียเวลา ได้ความอร่อย ความสะอาด พร้อมด้วยคุณค่าทางอาหาร เพราะว่าเนื้อปลาทูน่า นั้นมีสาร EPA ที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้ มีโปรตีนที่ย่อยง่าย และไขมันต่ำ กินมากก็ไม่อ้วนสักเท่าไหร่
      
       ส่วนผสมสำหรับ “ข้าวผัดน้ำพริกทูน่า”
      
       
พริกขี้หนูซอย                     1       ช้อนโต๊ะ
       ปลาทูน่าในน้ำมันพืช            1        กระป๋อง
       กะปิ                                 4        ช้อนชา
       กระเทียมปอกเปลือกซอย     1        ช้อนโต๊ะ
       มะนาว                              3        ช้อนโต๊ะ
       น้ำตาลปีบ                          2        ช้อนโต๊ะ
       น้ำปลา                              1        ช้อนโต๊ะ
       ข้าวสวย                            4        ถ้วยตวง
       ไข่เค็ม                              1        ฟอง (ผ่าครึ่ง)
       ทูน่าทอดฟู                         1       กระป๋อง(จะไม่ใส่ก็ได้)
       ผักสดอาทิ แตงกวา มะเขือเปราะ ถั่วฝักยาว ตามใจชอบ
       

       ขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยากอะไรเลย ถ้าเตรียมส่วนผสมกันพร้อมแล้วก็เดินหน้าเข้าครัวกันเลย
      
       เริ่มต้นกับการทำน้ำพริกด้วยการโขลกกระเทียมกับกะปิให้ละเอียด ใส่พริกลงไปตำให้พอแตก จากนั้นใส่น้ำตาลปีบ น้ำมะนาว แล้วตักใส่ถ้วยพักไว้ก่อน
      
       เสร็จแล้วหันมาตั้งกระทะใส่น้ำมันให้พอร้อน แล้วจึงนำเครื่องที่เครื่องที่โขลกไว้แล้วลงไปผัดให้เข้ากัน ตามด้วยใส่ปลาทูน่า ข้าวสวย แล้วผัดคลุกเคล้าให้เข้ากันอีกที เพียงเท่านี้ก็เสร็จสิ้นกระบวนการทำ
      
       มาถึงขั้นตอนกระบวนการหม่ำก็ตัก “ข้าวผัดน้ำพริกทูน่า” ใส่จานกินคู่กับไข่เค็ม ปลาทูน่าทอดฟู และผักสดต่างๆ ก็อิ่มหนำไปอีกหนึ่งมื้อแล้วละจ๊ะ

No comments:

Post a Comment