Tuesday, November 1, 2011

“Barn@36” โรงนาแห่งความอร่อย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 ตุลาคม 2554 15:35 น.
บรรยากาศร้านBarn@36 โปร่งโล่งนั่งสบาย
       ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ!! ว่าใจกลางกรุงเทพฯ อย่างซอยสุขุมวิท 36 จะมีโรงนาขนาดใหญ่มาตั้งอยู่
      
       แต่อย่าเพิ่งแปลกใจไปว่าโรงนาเก็บข้าวที่ไหนจะมาตั้งอยู่ในซอย สุขุมวิท 36 กัน เพราะโรงนาที่ “ตระเวนกิน” กำลังพูดถึงนี้แท้ที่จริงแล้วก็คือร้านอาหารขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า “Barn@36” (บานแอทสามสิบหก) เป็นร้านอาหารที่ชวนนั่ง บรรยากาศตกแต่งเหมือนโรงนาสไตล์ตะวันตกกึ่งรีสอร์ทที่ผสมผสานธรรมชาติและ ความสะดวกสบายเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว ตรงตามคอนเซ็ปต์ของทางร้านที่ว่าเป็น โรงนากลางซอยสุขุมวิท
บรรยากาศห้องแอร์นั่งสบาย
       ภายในร้านจัดพื้นที่โต๊ะนั่งไว้อย่างโปร่งโล่งสบายๆ รับลมธรรมชาติเย็นๆ แถมยังมีห้องแอร์ไว้คอยบริการ และมีมุมสวนเล็กๆ ให้เลือกนั่งตามใจชอบ อีกทั้งยังมีนักดนตรีมาเล่นเพลงสดให้ฟังในทุกวัน มีทั้งแนวโฟล์คซอง คันทรี่และป๊อป ตั้งแต่เวลา 19.30-21.00 น. แบบว่ากินอาหารไปด้วยฟังเพลงเพราะๆ ไปด้วยช่างเพลิดเพลินเสียจริงเชียว
      
       ส่วนเรื่องอาหารของที่ร้านนี้เน้นเป็นสเต็กเฮ้าส์ ที่ได้นำเอาสเต็กชั้นยอดรสดีจาก บ้านสเต็ก โบนันซ่า เขาใหญ่มา เป็นเมนูสเต็กจานเด็ดให้คอกินสเต็กได้อิ่มหนำกันแบบจุใจ รวมถึงยังมีเมนูก๋วยเตี่ยวขึ้นชื่อของทางร้านและอาหารไทยโบราณที่ถึงแม้จะมี เมนูไม่มากมายแต่ก็มีให้เลือกสั่งมาลิ้มรส
ก๋วยเตี๋ยวโรงนา
       สำหรับเมนูอาหารจานเด็ดที่อยากแนะนำให้ลิ้มรสกันให้ได้ก็มี ก๋วยเตี๋ยวโรงนา (80 บาท) เป็นเมนูเด่นของทางร้านแต่จะมีขายเฉพาะช่วงกลางวัน 11.00-15.00 น. เป็นก๋วยเตี๋ยวคล้ายกับก๋วยเตี๋ยวเลียงที่มีส่วนผสมของเครื่องสมุนไพรไทยมาก มาย ซึ่งทางร้านได้คิดสูตรเฉพาะขึ้นมาใหม่เป็นสไตล์ของตัวเอง มีเครื่องหลายอย่างที่ใส่มาในชามมีทั้งเนื้อหมูที่เคี้ยวนุ่ม ตับหมูเคี้ยวนิ่ม หมูตุ๋นจากส่วนขั้วตับเนื้อเปื่อยนุ่ม และลูกชิ้นหมูเคี้ยวเด้งปาก และน้ำซุปนั้นหอมกลิ่นเครื่องเทศรสหวานกลมกล่อม เพราะเป็นน้ำซุปกระดูกหมูที่ต้มเคี่ยวรวมกับสมุนไพร ส่วนเส้นนั้นมีแต่เส้นเล็กอย่างเดียว (ที่ทางร้านเรียกว่าเส้นเวียดนาม) มีความเหนียวนุ่มกินอร่อยปากดี
ขนมปังอบชีส
       จากนั้นมาชิมเมนูกินเล่นที่อร่อยและขายดี นั่นคือ ขนมปังอบชีส (180 บาท) เป็นขนมปังฝรั่งเศสที่ทางร้านสั่งมาเป็นพิเศษนำมาหั่นเป็นชิ้นแล้วทาด้วยพา เมซานชีสและมอสซาเรลลาชีส แล้วก็นำเข้าเตาอบ เสิร์ฟมาร้อนๆ ได้กลิ่นชีสหอมๆ โชยเข้าจมูกกินขนมปังกรอบนอกเนื้อในนุ่มฉ่ำชีสหนืดๆรสดีถูกใจถูกปากคนชอบชี สกันไป
ไส้กรอกรมควัน
       แล้วก็ขอเอาใจคนชอบกินไส้กรอกต้องสั่งเมนูนี้ ไส้กรอกรมควัน (120 บาท) เป็นไส้กรอกสูตรจากบ้านสเต็กที่เขาใหญ่ ที่ทางร้านสั่งทำเป็นพิเศษ เป็นไส้กรอกหมูล้วนๆ ที่ผ่านการรมควันแล้วนำมาย่างอีกที กินแล้วถูกใจปากมากๆ ตรงที่เนื้อไส้กรอกได้รสชาติของหมูล้วนๆ เคี้ยวเด้งกรึบปากมากๆ
สปาเก็ตตี้ปลาเค็ม+แฮม
       และหันมากินเมนูเส้นกันบ้างที่อยากแนะนำมี สปาเก็ตตี้ปลาเค็ม+แฮม (280 บาท) ทางร้านนำปลาเค็มที่เลือกมาเป็นพิเศษนำมาอบก่อนแล้วนำไปแช่กับน้ำมันมะกอก และจึงนำเนื้อปลาเค็มมายีให้ละเอียดและผัดให้เข้ากันกับเส้นสปาเก็ตตี้ พร้อมกับใส่แฮมมาด้วย ชิมแล้วถูกลิ้นเส้นสปาเก็ตตี้เหนียวนุ่มซึมรสปลาเค็มหอมๆ กินเข้ากันกับแฮมรสดี
สปาเก็ตตี้ทะเล
       สปาเก็ตตี้ทะเล (280 บาท) เป็นอีกหนึ่งเมนูจานเส้นที่น่ากิน ทางร้านนำเส้นสปาเก็ตตี้มาผัดกับน้ำมันมะกอก ใส่พริกขี้หนูสด ใส่ปลาแซลมอน กุ้ง หมึก และหอยแมลงภู่ ม้วนเส้นสปาเก็ตตี้เข้าปากเคี้ยวเส้นเด้งนุ่มรสชาติกลมกล่อมออกเผ็ดนิดๆ เข้ากับเครื่องทะเลที่ใส่มาดีแท้
นิวยอร์คสเต็ก
       และก็ต้องไม่พลาดลิ้มรสเมนูสเต็กจานเด่นเมนูนี้ นิวยอร์คสเต็ก (380 บาท) เป็นสเต็กเนื้อ ที่นำเนื้อส่วนริบอายมาหมักกับเครื่องเทศสูตรพิเศษ และน้ำมันสูตรพิเศษ หมักนานกว่า 2 อาทิตย์ ก่อนจะนำมากริลล์ เสิร์ฟมาพร้อมเครื่องเคียงอย่างข้าวโพดอบเนย และข้าวกล้องหุงสุกผัดใส่น้ำมันมะกอกคลุกกับแครอทและพริกหยวก แล่ชิ้นเนื้อสเต็กเคี้ยวนุ่มหนึบหนับปากมากและได้รสชาติเครื่องเทศที่หมัก ซึมถึงเนื้อในรสชาติดีถูกปากจริงๆ
เครื่องดื่มรสดีจากBarn Coffee
       นอกจากนี้แล้วก็ยังมีเมนูจานเด่นอื่นๆ ที่ชวนลองลิ้มอีก อาทิ สเต็กทีโบน 1 ชิ้น 1 กิโลกรัม (1,800 บาท) Foie Gras Cherry Sauce (900 บาท) เซอร์ลอยด์จิ้มแจ่ว (380 บาท) ต้มข่าปลาสลิด (180 บาท) ฯลฯ รวมถึงยังมีชา กาแฟ เครื่องดื่มต่างๆ และไอศกรีมกับเบเกอรี่โฮมเมดขายด้วย ซึ่งอยู่ในส่วนของร้าน Barn Coffee มีเมนูเครื่องดื่มที่อยากแนะนำ อาทิ Barnyen (75 บาท) ชาเย็น (15 บาท) ส่วนเค้กก็มี ช็อคโกแลตอัลมอนด์ (95 บาท) สตรอเบอร์รี่ชีสเค้ก (95 บาท)
บรรยากาศร้านBarn Coffee
       เอาเป็นว่าหากมิตรรักนักกินหิวๆ แล้วผ่านมาแถวซ.สุขุมวิท 36 ก็ขอแนะนำให้แวะมาดับความหิวเติมเต็มความอิ่มกับอาหารอันหลากหลายได้ที่ร้าน “Barn@36” ที่มีบรรยากาศเหมือนโรงนากลางกรุงชวนนั่งสบายๆ
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       ร้าน “Barn@36” ตั้ง อยู่ที่ 67 ซอยสุขุมวิท 36 สุขุมวิท คลองตัน คลองเตย กรุงเทพฯ การเดินทางถ้ามาจากถ.สุขุมวิท ให้ตรงมาที่ซ.สุขุมวิท 36 เข้ามาในซอยแล้วจะเห็นร้านBarn@36 อยู่ด้านซ้ายมือ มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน เปิดทุกวัน เวลา 11.00-23.00 น. ที่ร้านรับจัดงานเลี้ยงทั้งในและนอกสถานที่ด้วย โทร. 0-2258-5937, 0-2260-4292, 08-6328-8989 หรือเข้าไปดูราละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.barn36.com/

“Barn@36” โรงนาแห่งความอร่อย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 ตุลาคม 2554 15:35 น.
บรรยากาศร้านBarn@36 โปร่งโล่งนั่งสบาย
       ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ!! ว่าใจกลางกรุงเทพฯ อย่างซอยสุขุมวิท 36 จะมีโรงนาขนาดใหญ่มาตั้งอยู่
      
       แต่อย่าเพิ่งแปลกใจไปว่าโรงนาเก็บข้าวที่ไหนจะมาตั้งอยู่ในซอย สุขุมวิท 36 กัน เพราะโรงนาที่ “ตระเวนกิน” กำลังพูดถึงนี้แท้ที่จริงแล้วก็คือร้านอาหารขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า “Barn@36” (บานแอทสามสิบหก) เป็นร้านอาหารที่ชวนนั่ง บรรยากาศตกแต่งเหมือนโรงนาสไตล์ตะวันตกกึ่งรีสอร์ทที่ผสมผสานธรรมชาติและ ความสะดวกสบายเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว ตรงตามคอนเซ็ปต์ของทางร้านที่ว่าเป็น โรงนากลางซอยสุขุมวิท
บรรยากาศห้องแอร์นั่งสบาย
       ภายในร้านจัดพื้นที่โต๊ะนั่งไว้อย่างโปร่งโล่งสบายๆ รับลมธรรมชาติเย็นๆ แถมยังมีห้องแอร์ไว้คอยบริการ และมีมุมสวนเล็กๆ ให้เลือกนั่งตามใจชอบ อีกทั้งยังมีนักดนตรีมาเล่นเพลงสดให้ฟังในทุกวัน มีทั้งแนวโฟล์คซอง คันทรี่และป๊อป ตั้งแต่เวลา 19.30-21.00 น. แบบว่ากินอาหารไปด้วยฟังเพลงเพราะๆ ไปด้วยช่างเพลิดเพลินเสียจริงเชียว
      
       ส่วนเรื่องอาหารของที่ร้านนี้เน้นเป็นสเต็กเฮ้าส์ ที่ได้นำเอาสเต็กชั้นยอดรสดีจาก บ้านสเต็ก โบนันซ่า เขาใหญ่มา เป็นเมนูสเต็กจานเด็ดให้คอกินสเต็กได้อิ่มหนำกันแบบจุใจ รวมถึงยังมีเมนูก๋วยเตี่ยวขึ้นชื่อของทางร้านและอาหารไทยโบราณที่ถึงแม้จะมี เมนูไม่มากมายแต่ก็มีให้เลือกสั่งมาลิ้มรส
ก๋วยเตี๋ยวโรงนา
       สำหรับเมนูอาหารจานเด็ดที่อยากแนะนำให้ลิ้มรสกันให้ได้ก็มี ก๋วยเตี๋ยวโรงนา (80 บาท) เป็นเมนูเด่นของทางร้านแต่จะมีขายเฉพาะช่วงกลางวัน 11.00-15.00 น. เป็นก๋วยเตี๋ยวคล้ายกับก๋วยเตี๋ยวเลียงที่มีส่วนผสมของเครื่องสมุนไพรไทยมาก มาย ซึ่งทางร้านได้คิดสูตรเฉพาะขึ้นมาใหม่เป็นสไตล์ของตัวเอง มีเครื่องหลายอย่างที่ใส่มาในชามมีทั้งเนื้อหมูที่เคี้ยวนุ่ม ตับหมูเคี้ยวนิ่ม หมูตุ๋นจากส่วนขั้วตับเนื้อเปื่อยนุ่ม และลูกชิ้นหมูเคี้ยวเด้งปาก และน้ำซุปนั้นหอมกลิ่นเครื่องเทศรสหวานกลมกล่อม เพราะเป็นน้ำซุปกระดูกหมูที่ต้มเคี่ยวรวมกับสมุนไพร ส่วนเส้นนั้นมีแต่เส้นเล็กอย่างเดียว (ที่ทางร้านเรียกว่าเส้นเวียดนาม) มีความเหนียวนุ่มกินอร่อยปากดี
ขนมปังอบชีส
       จากนั้นมาชิมเมนูกินเล่นที่อร่อยและขายดี นั่นคือ ขนมปังอบชีส (180 บาท) เป็นขนมปังฝรั่งเศสที่ทางร้านสั่งมาเป็นพิเศษนำมาหั่นเป็นชิ้นแล้วทาด้วยพา เมซานชีสและมอสซาเรลลาชีส แล้วก็นำเข้าเตาอบ เสิร์ฟมาร้อนๆ ได้กลิ่นชีสหอมๆ โชยเข้าจมูกกินขนมปังกรอบนอกเนื้อในนุ่มฉ่ำชีสหนืดๆรสดีถูกใจถูกปากคนชอบชี สกันไป
ไส้กรอกรมควัน
       แล้วก็ขอเอาใจคนชอบกินไส้กรอกต้องสั่งเมนูนี้ ไส้กรอกรมควัน (120 บาท) เป็นไส้กรอกสูตรจากบ้านสเต็กที่เขาใหญ่ ที่ทางร้านสั่งทำเป็นพิเศษ เป็นไส้กรอกหมูล้วนๆ ที่ผ่านการรมควันแล้วนำมาย่างอีกที กินแล้วถูกใจปากมากๆ ตรงที่เนื้อไส้กรอกได้รสชาติของหมูล้วนๆ เคี้ยวเด้งกรึบปากมากๆ
สปาเก็ตตี้ปลาเค็ม+แฮม
       และหันมากินเมนูเส้นกันบ้างที่อยากแนะนำมี สปาเก็ตตี้ปลาเค็ม+แฮม (280 บาท) ทางร้านนำปลาเค็มที่เลือกมาเป็นพิเศษนำมาอบก่อนแล้วนำไปแช่กับน้ำมันมะกอก และจึงนำเนื้อปลาเค็มมายีให้ละเอียดและผัดให้เข้ากันกับเส้นสปาเก็ตตี้ พร้อมกับใส่แฮมมาด้วย ชิมแล้วถูกลิ้นเส้นสปาเก็ตตี้เหนียวนุ่มซึมรสปลาเค็มหอมๆ กินเข้ากันกับแฮมรสดี
สปาเก็ตตี้ทะเล
       สปาเก็ตตี้ทะเล (280 บาท) เป็นอีกหนึ่งเมนูจานเส้นที่น่ากิน ทางร้านนำเส้นสปาเก็ตตี้มาผัดกับน้ำมันมะกอก ใส่พริกขี้หนูสด ใส่ปลาแซลมอน กุ้ง หมึก และหอยแมลงภู่ ม้วนเส้นสปาเก็ตตี้เข้าปากเคี้ยวเส้นเด้งนุ่มรสชาติกลมกล่อมออกเผ็ดนิดๆ เข้ากับเครื่องทะเลที่ใส่มาดีแท้
นิวยอร์คสเต็ก
       และก็ต้องไม่พลาดลิ้มรสเมนูสเต็กจานเด่นเมนูนี้ นิวยอร์คสเต็ก (380 บาท) เป็นสเต็กเนื้อ ที่นำเนื้อส่วนริบอายมาหมักกับเครื่องเทศสูตรพิเศษ และน้ำมันสูตรพิเศษ หมักนานกว่า 2 อาทิตย์ ก่อนจะนำมากริลล์ เสิร์ฟมาพร้อมเครื่องเคียงอย่างข้าวโพดอบเนย และข้าวกล้องหุงสุกผัดใส่น้ำมันมะกอกคลุกกับแครอทและพริกหยวก แล่ชิ้นเนื้อสเต็กเคี้ยวนุ่มหนึบหนับปากมากและได้รสชาติเครื่องเทศที่หมัก ซึมถึงเนื้อในรสชาติดีถูกปากจริงๆ
เครื่องดื่มรสดีจากBarn Coffee
       นอกจากนี้แล้วก็ยังมีเมนูจานเด่นอื่นๆ ที่ชวนลองลิ้มอีก อาทิ สเต็กทีโบน 1 ชิ้น 1 กิโลกรัม (1,800 บาท) Foie Gras Cherry Sauce (900 บาท) เซอร์ลอยด์จิ้มแจ่ว (380 บาท) ต้มข่าปลาสลิด (180 บาท) ฯลฯ รวมถึงยังมีชา กาแฟ เครื่องดื่มต่างๆ และไอศกรีมกับเบเกอรี่โฮมเมดขายด้วย ซึ่งอยู่ในส่วนของร้าน Barn Coffee มีเมนูเครื่องดื่มที่อยากแนะนำ อาทิ Barnyen (75 บาท) ชาเย็น (15 บาท) ส่วนเค้กก็มี ช็อคโกแลตอัลมอนด์ (95 บาท) สตรอเบอร์รี่ชีสเค้ก (95 บาท)
บรรยากาศร้านBarn Coffee
       เอาเป็นว่าหากมิตรรักนักกินหิวๆ แล้วผ่านมาแถวซ.สุขุมวิท 36 ก็ขอแนะนำให้แวะมาดับความหิวเติมเต็มความอิ่มกับอาหารอันหลากหลายได้ที่ร้าน “Barn@36” ที่มีบรรยากาศเหมือนโรงนากลางกรุงชวนนั่งสบายๆ
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       ร้าน “Barn@36” ตั้ง อยู่ที่ 67 ซอยสุขุมวิท 36 สุขุมวิท คลองตัน คลองเตย กรุงเทพฯ การเดินทางถ้ามาจากถ.สุขุมวิท ให้ตรงมาที่ซ.สุขุมวิท 36 เข้ามาในซอยแล้วจะเห็นร้านBarn@36 อยู่ด้านซ้ายมือ มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน เปิดทุกวัน เวลา 11.00-23.00 น. ที่ร้านรับจัดงานเลี้ยงทั้งในและนอกสถานที่ด้วย โทร. 0-2258-5937, 0-2260-4292, 08-6328-8989 หรือเข้าไปดูราละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.barn36.com/

Sunday, October 30, 2011

“บ้านจิตประภัสสร” หนึ่งในดวงใจ อาหารไทยโบราณเลิศรส

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 ตุลาคม 2554 14:00 น.
บรรยากาศโต๊ะนั่งสบายๆ ภายในร้านบ้านจิตประภัสสร
       ไม่รู้ว่ามิตรรักนักกินทั้งหลายจะมีความรู้สึกเหมือน “ตระเวนกิน” บ้างไหม??
      
       ที่ว่าต่อให้ได้ลองลิ้มรสชาติของอาหารชาติไหนๆ มากมายเพียงใด แต่ยังไงในความรู้สึกลึกๆ ของหัวใจก็ยังขอยกนิ้วให้ “อาหารไทย” เป็น ที่หนึ่งในดวงใจ ที่มีเสน่ห์ในเรื่องของรสชาติอาหารอันเลิศรสโดนใจ และมีความหลากหลายของเมนูอาหารให้เลือกกินอย่างมากมายแบบไม่รู้เบื่อ
บรรยากาศห้องจัดเลี้ยง
       เอาเป็นว่าหากใครมีความรู้สึกชื่นชอบและพิสมัยในอาหารไทยเหมือน “ตระเวนกิน” แล้วล่ะก็ ในมื้อนี้เราขอพาทุกคนมาตระเวนกินอาหารไทยรสดีกันยังที่ “สวนอาหารบ้านจิตประภัสสร” ตั้งอยู่ตรง ถนนประชานิเวศน์ 1 ซึ่งเป็นร้านอาหารที่มีชื่อเสียงมานานของคุณจิตประภัสสร เทียนสุวรรณ (พา นิชกุล) อดีตนางสาวไทยปี พ.ศ. 2509 โดยเปิดขายอาหารไทยมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2524 แรกเริ่มเป็นสวนอาหารตั้งอยู่ที่ จ.ราชบุรี จากนั้นปีพ.ศ. 2530 จึงได้ขยายสาขามาที่กรุงเทพฯ อยู่ที่ ถ.สุโขทัย และก็ย้ายมาเปิดร้านอยู่ที่ ถ.ประชานิเวศน์ 1 มานานกว่า 18-19 ปี เป็นสวนอาหารที่มีบรรยากาศร้านอันร่มรื่นชวนนั่ง
      
       และก็มีอาหารไทย อาหารจีนบริการ มีทั้งอาหารไทยทั่วไปและอาหารไทยสูตรโบราณ ซึ่งเมนูอาหารไทยนั้นมีหลายเมนูที่น่าชิมมากมาย อย่างที่อยากแนะนำว่าหากมาแล้วควรสั่งมากินกันก็มี
ยำตะไคร้
       ยำตะไคร้ (80 บาท) เป็นยำที่อุดมไปด้วยสมุนไพรไทยอย่างตะไคร้สดนำมาซอย หอมแดง พริกขี้หนู มะพร้าวคั่ว ถั่วลิสง หมูหยอง เนื้อหมูหรือเนื้อไก่ฝอย แล้วก็ยำคลุกเคล้ากับน้ำยำรสเด็ดสูตรเฉพาะ แถมโรยหน้าด้วยหมูแผ่นกรอบ และมีใบชะพลูสดมาให้กินคู่กัน เวลากินกินเหมือนเมี่ยงคือเอาใบชะพลูมาห่อกับยำตะไคร้ เคี้ยวกร้วมกรุบกรอบเต็มปากเต็มคำรสชาติดีหอมตะไคร้เคี้ยวเพลิน
ซี่โครงหมูอบ
       แล้วมาชิม ซี่โครงหมูอบ (200 บาท) ที่ขอบอกว่าต้องสั่งล่วงหน้าถึงจะได้กินกัน เพราะทางร้านจะนำ เอาซี่โครงหมูมาหมักกับเครื่องปรุงต่างๆ ตามสูตรเด็ดของทางร้าน และหมักนานแบบข้ามคืน แล้วจึงนำมาอบให้เปื่อยนุ่ม จนได้ซี่โครงหมูอบที่เนื้อเปื่อยนุ่มลิ้นรสชาติกลมกล่อมถึงเครื่องหมักที่ เข้มข้น
ผัดไทกุ้ง
       ตามมาด้วย ผัดไทกุ้ง (150 บาท) เป็นผัดไทแบบสูตรโบราณที่นำเอาเส้นจันทน์มาผัดกับเครื่องผัดไทแบบครบเครื่อง และใส่กุ้ง แถมยังปรุงรส ใส่พริกมาให้เสร็จสรรพ เรียกว่ากินได้เลยโดยไม่ต้องปรุงเพิ่มได้รสชาติผัดไทที่เส้นเหนียวนุ่มออกรส ผัดไทหวาน เปรี้ยว เค็ม เจือเผ็ดนิดๆ และมีผักเคียงมาให้กินแบบครบเครื่อง
ปลาดุกผัดพริกขิง
       จากนั้นมาชิม ปลาดุกผัดพริกขิง (150 บาท) ทางร้านนำเอาเนื้อปลาดุกไปคลุกเคล้ากับเกล็ดขนมปังแล้วทอดจนฟูกรอบ แล้วก็นำมาผัดกับน้ำพริกเผาสูตรพิเศษที่ทางร้านปรุงขึ้นมาเอง และมีใบกระเพราทอดกรอบใส่มาด้วย ชิมแล้วเนื้อปลาดุกผัดพริกขิงกรุบกรอบได้ใจออกรสน้ำพริกเผาจัดจ้าน
เนื้อปูผัดผงกะหรี่
       และก็ต้องไม่พลาดเมนูนี้ เนื้อปูผัดผงกะหรี่ (250 บาท) เป็นปูผัดผงกะหรี่ที่กินง่าย เพราะทางร้านเลือกใช้แต่เนื้อปูทะเลที่แกะเนื้อออกมาเป็นก้อนๆ แล้วนำมาผัดกับเครื่องผงกะหรี่แบบครบเครื่องและใส่ไข่ด้วย กินแล้วสัมผัสได้ถึงเนื้อปูแน่นหวานชุ่มรสชาติเครื่องผงกะหรี่ถูกใจปากมากๆ
ฉู่ฉี่กุ้ง
       แล้วก็มาชิม ฉู่ฉี่กุ้ง (200 บาท) กันซึ่งทางร้านเลือกใช้กุ้งแชบ๊วยตัวไม่ใหญ่มาก เอามาผัดกับเครื่องแกงฉู่ฉี่ที่ทางร้านโขลกเอง และผัดกับกะทิแบบเข้มข้น ลองลิ้มแล้วถูกปากตรงที่เนื้อกุ้งนุ่มหวานเข้ากับเครื่องแกงฉู่ฉี่ที่เข้ม ข้นหอมหวานมันกะทิ เจือรสเผ็ดนิดๆ
แกงเขียวหวานไก่
       ส่งท้ายด้วยเมนู แกงเขียวหวานไก่ (90 บาท) ที่ส่งกลิ่นหอมของเครื่องแกงยั่วจมูกมากๆ เพราะทางร้านโขลกเครื่องแกงเขียวหวานเอง นำมาแกงกับกะทิที่คั้นสด และใส่เนื้ออกไก่ กินแล้วขอยกนิ้วให้ในรสชาติของแกงเขียวหวานที่เข้มข้นถึงเครื่องแกงมากๆ หอมหวานมันกะทิ เนื้อไก่ก็นุ่ม กินกับข้าวสวยร้อนๆ สุดยอดขอบอก
      
       ถึงแม้ว่าจะแนะนำมาก็หลายเมนูแล้ว แต่ว่าในรายการอาหารยังมีเมนูอาหารไทยที่ชวนชิมอีกมากมาย อาทิ สลิดหลน (80 บาท) น้ำพริกปลาทู (120 บาท) วุ้นเส้นทรงเครื่อง (90 บาท) ปลากะพงผัดพริกไทยดำ (250 บาท) ลาบปลาช่อน (200 บาท) ฯลฯ เรียกว่าแต่ละเมนูล้วนแล้วแต่เป็นอาหารไทยที่น่าลองลิ้มซึ่งทาง “สวนอาหารบ้านจิตประภัสสร” ภูมิใจนำมาเสนอให้แฟนๆ คออาหารไทยได้มาอิ่มหนำกันอย่างเต็มที่
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       “สวนอาหารบ้านจิตประภัสสร” ตั้ง อยู่ที่ 89/462 ถ.ประชานิเวศน์ 1 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. การเดินทางถ้ามาจาก ริมคลองประปาให้เลี้ยวตรงเข้ามาที่ ถ.ประชานิเวศน์ 1 มุ่งหน้าไปวัดเสมียนนารี ก่อนขึ้นสะพานข้ามคลองให้สังเกตซ้ายมือจะเห็น ซ.สัมมากร 2 หน้าปากซอยมีร้านลีลาวดีสปา ตรงเข้ามาก็จะเจอสวนอาหารบ้านจิตประภัสสร มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน เปิดทุกวัน เวลา 10.00-21.00 แต่สามารถนั่งได้ถึง 23.00 น. ถ้ามากินอาหารแนะนำว่าควรโทร.มาจองโต๊ะก่อนจะดี และทางร้านรับจัดงานเลี้ยงทั้งในและนอกสถานที่ โทร. 0-2580-4643, 0-2580-6041, 08-1434-9305 หรือเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.jitprapassorn.com/