Monday, January 30, 2012

พบกับหลากหลายเมนูพิเศษ ที่ รร. โนโวเทลฯ สยามสแควร์

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 มกราคม 2555 15:38 น.
       ในช่วงบรรยากาศต้นปีแบบนี้ เป็นช่วงของการต้อนรับสิ่งใหม่ๆ  หากใครกำลังมองหาร้านอาหารที่จะฉลองในช่วงต้นปีแบบนี้ เรามีร้านมาแนะนำ เริ่มต้นความพิเศษต้นปีที่ ห้องอาหารจีน ลก หว่า ฮิน โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพฯ สยามสแคว์ ด้วย เมนูอาหารจีนรสดั่งเดิม พร้อมเมนูแสนอร่อยจากเชฟชาวฮ่องกง เช่น เมนูเป๋าฮื้อตุ๋นสไลด์ หอยนางรมทานคู่สาหร่าย มื้อค่ำ 4 ท่านราคา 6500 บาท 10ท่าน 13000 บาท++ ราคานี้รสมกับราคาไวน์ 1 ขวด และรับอั่งเปาลุ้นรางวัลกลับบ้าน โทร. 0-2209-8888 ต่อ ลก หว่า ฮิน
       ความพิเศษถัดมาที่ ห้องอาหารริเวอร์บาร์จ โรงแรมชาเทรียม ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ เริ่ม ต้นศักราชใหม่ ด้วย บุพเฟ่ต์นานาชนิดระดับพรีเมี่ยม ซึ่งทางเชฟใหญ่ของโรงแรมฯภูมิใจเสนอ ล็อบสเตอร์และกุ้งสดจากทะเล นอกจากนั้นยังมี ตับห่าน เนื้อวากิว และ เนื้อแกะ เพื่อเพิ่มความหลากหลาย ท่ามกลางบรรยากาศแห่งสายน้ำเจ้าพระยายามค่ำคืน โทร. 0-2307-8888 ต่อ 1923
       และที่ ห้องอาหารบุพเฟ่ต์ลอยฟ้า โรงแรมใบหยก สวีท คัด สรรค์เมนูที่ได้รับความนิยมในแถบยุโรปและเอเชีย กับ “SWAFOOD EMPANADAS” พายทะเลกรอบชั้นเลิศ ที่ใช้ปลาแซลมอน หอยลาย กุ้งทะเล คลุกด้วยเครื่องเทศทำเป็นไส้ ทอดจนหอมกรอบ เพิ่มความจุใจอีกชั้นด้วยหมี่กรอบ พร้อม Salsa sauce เสริฟให้ได้ลิ้มลอง โทร. 0-2255-7755
       ลองแวะมาที่ ห้องอาหารนานานชาติ โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ เชิญชวนผู้รักก๋วยเตี๋ยวมาลองลิ้มชิมรสกับบุฟเฟต์ก๋วยเตี๋ยวนานาชนิด พร้อมเมนูน้ำซุปแสนอร่อยหลากหลายสไตล์ เช่น ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ก๋วยเตี๋ยวน้ำตก เป็นต้น ในราคาท่านละ 480++ บาท โทร. 0-2215-5010 หรือ 0-2215-5000 ต่อ 8200
       สุดท้ายกับความพิเศษที่ เดอะมิวเซียม เซ็นทาราแกรนด์บีชรีสอร์ทและวิลลา หัวหิน เชิญ ลิ้มลอง ของขนมปังนุ่มๆหอมกรุนจากเตา และขนมหวานสไตล์ฝรั่งเศสหลากหลายชนิด พร้อมของว่างนานาชนิด อาทิ ชา กาแฟ ชอกโกแลตและอีกมากมาย พร้อมเปิดบริการให้ทุกท่านทุกวัน เวลา 10.00-19.00 น. โทร.0-2351-2021-38

พบกับหลากหลายเมนูพิเศษ ที่ รร. โนโวเทลฯ สยามสแควร์

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 มกราคม 2555 15:38 น.
       ในช่วงบรรยากาศต้นปีแบบนี้ เป็นช่วงของการต้อนรับสิ่งใหม่ๆ  หากใครกำลังมองหาร้านอาหารที่จะฉลองในช่วงต้นปีแบบนี้ เรามีร้านมาแนะนำ เริ่มต้นความพิเศษต้นปีที่ ห้องอาหารจีน ลก หว่า ฮิน โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพฯ สยามสแคว์ ด้วย เมนูอาหารจีนรสดั่งเดิม พร้อมเมนูแสนอร่อยจากเชฟชาวฮ่องกง เช่น เมนูเป๋าฮื้อตุ๋นสไลด์ หอยนางรมทานคู่สาหร่าย มื้อค่ำ 4 ท่านราคา 6500 บาท 10ท่าน 13000 บาท++ ราคานี้รสมกับราคาไวน์ 1 ขวด และรับอั่งเปาลุ้นรางวัลกลับบ้าน โทร. 0-2209-8888 ต่อ ลก หว่า ฮิน
       ความพิเศษถัดมาที่ ห้องอาหารริเวอร์บาร์จ โรงแรมชาเทรียม ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ เริ่ม ต้นศักราชใหม่ ด้วย บุพเฟ่ต์นานาชนิดระดับพรีเมี่ยม ซึ่งทางเชฟใหญ่ของโรงแรมฯภูมิใจเสนอ ล็อบสเตอร์และกุ้งสดจากทะเล นอกจากนั้นยังมี ตับห่าน เนื้อวากิว และ เนื้อแกะ เพื่อเพิ่มความหลากหลาย ท่ามกลางบรรยากาศแห่งสายน้ำเจ้าพระยายามค่ำคืน โทร. 0-2307-8888 ต่อ 1923
       และที่ ห้องอาหารบุพเฟ่ต์ลอยฟ้า โรงแรมใบหยก สวีท คัด สรรค์เมนูที่ได้รับความนิยมในแถบยุโรปและเอเชีย กับ “SWAFOOD EMPANADAS” พายทะเลกรอบชั้นเลิศ ที่ใช้ปลาแซลมอน หอยลาย กุ้งทะเล คลุกด้วยเครื่องเทศทำเป็นไส้ ทอดจนหอมกรอบ เพิ่มความจุใจอีกชั้นด้วยหมี่กรอบ พร้อม Salsa sauce เสริฟให้ได้ลิ้มลอง โทร. 0-2255-7755
       ลองแวะมาที่ ห้องอาหารนานานชาติ โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ เชิญชวนผู้รักก๋วยเตี๋ยวมาลองลิ้มชิมรสกับบุฟเฟต์ก๋วยเตี๋ยวนานาชนิด พร้อมเมนูน้ำซุปแสนอร่อยหลากหลายสไตล์ เช่น ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ก๋วยเตี๋ยวน้ำตก เป็นต้น ในราคาท่านละ 480++ บาท โทร. 0-2215-5010 หรือ 0-2215-5000 ต่อ 8200
       สุดท้ายกับความพิเศษที่ เดอะมิวเซียม เซ็นทาราแกรนด์บีชรีสอร์ทและวิลลา หัวหิน เชิญ ลิ้มลอง ของขนมปังนุ่มๆหอมกรุนจากเตา และขนมหวานสไตล์ฝรั่งเศสหลากหลายชนิด พร้อมของว่างนานาชนิด อาทิ ชา กาแฟ ชอกโกแลตและอีกมากมาย พร้อมเปิดบริการให้ทุกท่านทุกวัน เวลา 10.00-19.00 น. โทร.0-2351-2021-38

เต็มอิ่มกับบุฟเฟต์ ที่ “คาเฟ เดอ นีมส์”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 ธันวาคม 2549 15:30 น.
บรรยากาศภายในห้องคาเฟ เดอ นีมส์ โปร่งโล่งนั่งสบาย
       เดี๋ยวนี้ในหมู่นักกินทั้งหลาย ต่างพิสมัยอาหารประเภทบุฟเฟต์กันเป็นจำนวนมาก ด้วยเพราะความที่ว่าบุฟเฟต์นั้นมีความหลากหลายในเรื่องเมนูอาหารที่มีให้ เลือกกินมากมาย แถมยังอิ่มได้แบบไม่อั้น ในราคาที่จำกัดไว้แล้ว
      
       ฉะนั้นในมื้อนี้เพื่อเป็นการเอาใจบรรดาคนรักบุฟเฟต์ “ผู้จัดการตระเวนกิน” จึงขอพาไปตระเวนกินบุฟเฟต์กันให้สำราญท้องที่ห้องอาหาร “คาเฟ เดอ นีมส์” ซึ่งตั้งอยู่ที่โรงแรมแกรนด์ สุขุมวิท โซฟิเทล (สุขุมวิท 6)
ซุ้มสารพัดยำต่างๆ
       สำหรับบุฟเฟต์ที่ห้องอาหารคาเฟ เดอ นีมส์ เป็นบุฟเฟต์สไตล์เมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งเป็นอาหารประเภทออกแนวเพื่อสุขภาพสักหน่อย คือส่วนประกอบอาหารส่วนใหญ่จะค่อนข้างมีไขมันต่ำ เน้นพวกพืชผัก ธัญพืช และซีฟู้ด รวมไปถึงยังมีอาหารนานาชาติอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งอาหารไทย อาหารญี่ปุ่น อาหารยุโรป และมีแบบเป็นอะลาคาร์ทให้เลือกสั่งด้วยอีกต่างหาก
อาหารทะเลสดๆ
       เอาเป็นว่ามาดูกันดีกว่าบุฟเฟต์ของที่นี่มีอาหารอะไรน่ากินบ้าง โดย “ผู้จัดการตระเวนกิน” ขอเริ่มจากซุ้มเพื่อสุขภาพอย่าง “ซุ้มสลัดบาร์” กันก่อน ซึ่งสลัดบาร์ของที่นี่มีผักสดๆ ให้เลือกตักมากมาย แถมยังมีน้ำสลัดหลายหลากชนิดให้เลือกตักตามใจชอบ ชนิดที่ว่าเลือกตักไม่ถูกเลยทีเดียว และที่สำคัญ มีเชฟคอยแนะนำ และบริการคลุกเคล้าสลัดให้กินพร้อมเสิร์ฟเลยทีเดียว
      
       จากซุ้มสลัดบาร์ ถ้าใครที่ชื่นชอบความแซบของสารพัดเมนูยำๆ แล้วล่ะก็ต้องไม่พลาดซุ้มนี้ “ซุ้มยำ” ซึ่งมีสารพัดเมนูยำให้เลือกกินตามใจปาก ซึ่งเราสามารถเลือกตักทำยำได้ด้วยตัวเองเลย ไม่ว่าจะเป็นยำวุ้นเส้น ยำรวมมิตรทะเล ยำแหนม ยำเห็ดหูหนูขาว และอีกสารพัดยำตามแต่เราจะเลือกใส่ส่วนผสมยำเอง
      
       และหลังจากอิ่มแซบกับเมนูซุ้มยำแล้ว เราเดินต่อตรงมายัง "ซุ้มอาหารซีฟู้ด" ของโปรด สำหรับซุ้มนี้ต้องถูกใจบรรดาคอซีฟู้ดทั้งหลาย เพราะมีอาหารทะเลสดๆ นานาชนิดให้เลือกกินมากมาย มีทั้งกุ้งตัวโตๆ หอยแมลงภู่ตัวใหญ่ ปูก้ามโต หอยนางรมสดๆ พร้อมกับมีน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดให้ตักมาจิ้มกินคู่กับอาหารทะเลที่สดหวาน
เมนูสเต็กเลิศรส
       ครั้นพอจัดการกับซีฟู้ดที่ตักมาจนหมดจาน เราก็เดินไปที่ "ซุ้มอาหารญี่ปุ่น" กันต่อ ซึ่งถ้าใครพิสมัยอาหารญี่ปุ่นเป็นต้องโดนใจปาก เพราะมีสารพัดเมนูอาหารญี่ปุ่นให้เลือกตัก มีทั้งซูชิสารพัดหน้า อาทิ ข้าวปั้นหน้าปลาไหล ข้าวปั้นหน้าปูอัด ข้าวปั้นหน้าปลาแซลมอน ข้าวปั้นสาหร่ายไส้ปูอัด และก็มีปลาดิบมากมาย อย่างปลาแซลมอน ปลาโอ ปลาหมึก
      
       ส่วนถ้าใครอยากลิ้มลองอาหารชาติอื่นๆ ก็ยังมี “ซุ้มอาหารไทย” ที่จะมีเมนูอาหารไทยหลายอย่างหมุนสลับสับเปลี่ยนเมนูให้เลือกลองลิ้มตามความชอบใจ และก็ยังมี “ซุ้มอาหารสไตล์ยุโรป” อย่างอาหารฝรั่งเศส อาหารอิตาเลียน ซึ่งที่”ผู้จัดการตระเวนกิน” ชื่นชอบมากเป็นพิเศษก็เห็นจะเป็นพวกสเต็กต่างๆ ที่พอสั่งเชฟก็จะปรุงให้ร้อนๆ แบบจานต่อจานทันทีตรงครัวเปิดที่ตั้งอยู่ในห้องอาหาร เพื่อคงรสชาติความสดของอาหารไว้
      
       ปิดท้ายกันที่ “ซุ้มขนมหวาน” ที่มีทั้งขนมหวานแบบไทย และแบบฝรั่ง รวมถึงยังมีเค้กหน้าตาหน้ากินมากมาย ผลไม้นานาชนิด และก็มีไอศกรีมที่มีให้เลือกกินหลายรสชาติ พร้อมด้วยท็อปปิ้งสารพัดอย่าง สำหรับบุฟเฟต์อิ่มไม่อั้นนี้ สนนราคาบุฟเฟต์มื้อกลางวัน (เวลา 12.00-15.00 น.) ราคา 450 บาท++/คน และบุฟเฟต์มื้อค่ำ (เวลา 18.30-22.00 น.) ราคา 650 บาท++/คน
       เรียกว่าหากแฟนานุแฟนมิตรรักนักกินท่านใดที่ชื่นชอบการกินอาหารแบบบุฟเฟต์ และก็อยากอิ่มแบบไม่อั้นอย่างมื้อนี้ของ “ผู้จัดการตระเวนกิน” แล้วล่ะก็ ต้องลองแวะมาสัมผัสกับบุฟเฟต์สไตล์เมดิเตอร์เรเนียนที่ห้องอาหาร “คาเฟ เดอ นีมส์” แห่งนี้กันดูสักครั้ง เพราะไม่แน่อาจจะติดใจในความอิ่มจุใจจนต้องพากันมาบ่อยๆ ก็เป็นได้
      
       
*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *
       

      
       
พิเศษ ในวันที่ 24 ธ.ค. นี้ ทางห้องอาหารมีซุ้มเมนูคริสต์มาส ที่มาพร้อมอาหารคริสต์มาสหลากหลายเมนูมาบริการเพิ่มเติมด้วย ราคาบุฟเฟต์วันคริสต์มาสนั้น ราคา 1,188 บาท++/ท่าน พร้อมกับรับไวน์ฟรี 1 แก้ว

เต็มอิ่มกับบุฟเฟต์ ที่ “คาเฟ เดอ นีมส์”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 ธันวาคม 2549 15:30 น.
บรรยากาศภายในห้องคาเฟ เดอ นีมส์ โปร่งโล่งนั่งสบาย
       เดี๋ยวนี้ในหมู่นักกินทั้งหลาย ต่างพิสมัยอาหารประเภทบุฟเฟต์กันเป็นจำนวนมาก ด้วยเพราะความที่ว่าบุฟเฟต์นั้นมีความหลากหลายในเรื่องเมนูอาหารที่มีให้ เลือกกินมากมาย แถมยังอิ่มได้แบบไม่อั้น ในราคาที่จำกัดไว้แล้ว
      
       ฉะนั้นในมื้อนี้เพื่อเป็นการเอาใจบรรดาคนรักบุฟเฟต์ “ผู้จัดการตระเวนกิน” จึงขอพาไปตระเวนกินบุฟเฟต์กันให้สำราญท้องที่ห้องอาหาร “คาเฟ เดอ นีมส์” ซึ่งตั้งอยู่ที่โรงแรมแกรนด์ สุขุมวิท โซฟิเทล (สุขุมวิท 6)
ซุ้มสารพัดยำต่างๆ
       สำหรับบุฟเฟต์ที่ห้องอาหารคาเฟ เดอ นีมส์ เป็นบุฟเฟต์สไตล์เมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งเป็นอาหารประเภทออกแนวเพื่อสุขภาพสักหน่อย คือส่วนประกอบอาหารส่วนใหญ่จะค่อนข้างมีไขมันต่ำ เน้นพวกพืชผัก ธัญพืช และซีฟู้ด รวมไปถึงยังมีอาหารนานาชาติอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งอาหารไทย อาหารญี่ปุ่น อาหารยุโรป และมีแบบเป็นอะลาคาร์ทให้เลือกสั่งด้วยอีกต่างหาก
อาหารทะเลสดๆ
       เอาเป็นว่ามาดูกันดีกว่าบุฟเฟต์ของที่นี่มีอาหารอะไรน่ากินบ้าง โดย “ผู้จัดการตระเวนกิน” ขอเริ่มจากซุ้มเพื่อสุขภาพอย่าง “ซุ้มสลัดบาร์” กันก่อน ซึ่งสลัดบาร์ของที่นี่มีผักสดๆ ให้เลือกตักมากมาย แถมยังมีน้ำสลัดหลายหลากชนิดให้เลือกตักตามใจชอบ ชนิดที่ว่าเลือกตักไม่ถูกเลยทีเดียว และที่สำคัญ มีเชฟคอยแนะนำ และบริการคลุกเคล้าสลัดให้กินพร้อมเสิร์ฟเลยทีเดียว
      
       จากซุ้มสลัดบาร์ ถ้าใครที่ชื่นชอบความแซบของสารพัดเมนูยำๆ แล้วล่ะก็ต้องไม่พลาดซุ้มนี้ “ซุ้มยำ” ซึ่งมีสารพัดเมนูยำให้เลือกกินตามใจปาก ซึ่งเราสามารถเลือกตักทำยำได้ด้วยตัวเองเลย ไม่ว่าจะเป็นยำวุ้นเส้น ยำรวมมิตรทะเล ยำแหนม ยำเห็ดหูหนูขาว และอีกสารพัดยำตามแต่เราจะเลือกใส่ส่วนผสมยำเอง
      
       และหลังจากอิ่มแซบกับเมนูซุ้มยำแล้ว เราเดินต่อตรงมายัง "ซุ้มอาหารซีฟู้ด" ของโปรด สำหรับซุ้มนี้ต้องถูกใจบรรดาคอซีฟู้ดทั้งหลาย เพราะมีอาหารทะเลสดๆ นานาชนิดให้เลือกกินมากมาย มีทั้งกุ้งตัวโตๆ หอยแมลงภู่ตัวใหญ่ ปูก้ามโต หอยนางรมสดๆ พร้อมกับมีน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดให้ตักมาจิ้มกินคู่กับอาหารทะเลที่สดหวาน
เมนูสเต็กเลิศรส
       ครั้นพอจัดการกับซีฟู้ดที่ตักมาจนหมดจาน เราก็เดินไปที่ "ซุ้มอาหารญี่ปุ่น" กันต่อ ซึ่งถ้าใครพิสมัยอาหารญี่ปุ่นเป็นต้องโดนใจปาก เพราะมีสารพัดเมนูอาหารญี่ปุ่นให้เลือกตัก มีทั้งซูชิสารพัดหน้า อาทิ ข้าวปั้นหน้าปลาไหล ข้าวปั้นหน้าปูอัด ข้าวปั้นหน้าปลาแซลมอน ข้าวปั้นสาหร่ายไส้ปูอัด และก็มีปลาดิบมากมาย อย่างปลาแซลมอน ปลาโอ ปลาหมึก
      
       ส่วนถ้าใครอยากลิ้มลองอาหารชาติอื่นๆ ก็ยังมี “ซุ้มอาหารไทย” ที่จะมีเมนูอาหารไทยหลายอย่างหมุนสลับสับเปลี่ยนเมนูให้เลือกลองลิ้มตามความชอบใจ และก็ยังมี “ซุ้มอาหารสไตล์ยุโรป” อย่างอาหารฝรั่งเศส อาหารอิตาเลียน ซึ่งที่”ผู้จัดการตระเวนกิน” ชื่นชอบมากเป็นพิเศษก็เห็นจะเป็นพวกสเต็กต่างๆ ที่พอสั่งเชฟก็จะปรุงให้ร้อนๆ แบบจานต่อจานทันทีตรงครัวเปิดที่ตั้งอยู่ในห้องอาหาร เพื่อคงรสชาติความสดของอาหารไว้
      
       ปิดท้ายกันที่ “ซุ้มขนมหวาน” ที่มีทั้งขนมหวานแบบไทย และแบบฝรั่ง รวมถึงยังมีเค้กหน้าตาหน้ากินมากมาย ผลไม้นานาชนิด และก็มีไอศกรีมที่มีให้เลือกกินหลายรสชาติ พร้อมด้วยท็อปปิ้งสารพัดอย่าง สำหรับบุฟเฟต์อิ่มไม่อั้นนี้ สนนราคาบุฟเฟต์มื้อกลางวัน (เวลา 12.00-15.00 น.) ราคา 450 บาท++/คน และบุฟเฟต์มื้อค่ำ (เวลา 18.30-22.00 น.) ราคา 650 บาท++/คน
       เรียกว่าหากแฟนานุแฟนมิตรรักนักกินท่านใดที่ชื่นชอบการกินอาหารแบบบุฟเฟต์ และก็อยากอิ่มแบบไม่อั้นอย่างมื้อนี้ของ “ผู้จัดการตระเวนกิน” แล้วล่ะก็ ต้องลองแวะมาสัมผัสกับบุฟเฟต์สไตล์เมดิเตอร์เรเนียนที่ห้องอาหาร “คาเฟ เดอ นีมส์” แห่งนี้กันดูสักครั้ง เพราะไม่แน่อาจจะติดใจในความอิ่มจุใจจนต้องพากันมาบ่อยๆ ก็เป็นได้
      
       
*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *
       

      
       
พิเศษ ในวันที่ 24 ธ.ค. นี้ ทางห้องอาหารมีซุ้มเมนูคริสต์มาส ที่มาพร้อมอาหารคริสต์มาสหลากหลายเมนูมาบริการเพิ่มเติมด้วย ราคาบุฟเฟต์วันคริสต์มาสนั้น ราคา 1,188 บาท++/ท่าน พร้อมกับรับไวน์ฟรี 1 แก้ว

ลิ้มรสปูขน หนึ่งปีมีหน ที่ "ภัตตาคารเชียงการีลา"

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 พฤศจิกายน 2549 12:16 น.
บรรยากาศโต๊ะนั่งกินอาหารภายในภัตตาคารเชียงการีลา
       "ปูขน"จัดว่าเป็นปูน้ำจืดชนิดหนึ่ง ที่อาศัยอยู่ตามทะเลสาบในประเทศจีน เจริญเติบโตอยู่ในสภาพอากาศหนาว และน้ำที่เย็นจัด ปูขนมีลักษณะพิเศษตรงที่จะมีขนตรงบริเวณก้ามปู และขาปู ยิ่งถ้าตรงบริเวณขาปูมีขนออกสีเหลืองทองอ่อน ถือว่าเป็นปูขนที่สมบูรณ์มากๆ ซึ่งในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคมนี้ ถือว่าเป็นช่วงที่ปูขนมีความอุดมสมบูรณ์ และเหมาะแก่การลิ้มรสเป็นที่สุด
      
       ที่ "ภัตตาคารจีนเชียงกรีลา" ตรงเยาวราช ในทุกๆ ปีจะจัด"เทศกาลปูขน" ขึ้นเพื่อเอาใจคอกินปูขน ในปีนี้จัดตั้งแต่วันนี้ไปถึงประมาณปลายเดือนธันวาคม ซึ่ง"ผู้จัดการตระเวนกิน" เองในปีนี้ก็ได้มีโอกาสมาลองลิ้มรสชาติปูขนที่นี่กับเขาด้วย
ปูขนนึ่ง เสิร์ฟพร้อมน้ำขิงร้อนๆ
       สำหรับปูขนของที่นี่ เขาสั่งปูขนคัดขนาดส่งตรงมาจากเซี่ยงไฮ้ประเทศจีน มาแบบยังเป็นๆสดๆ และนิยมนำปูขนมาทำเป็นเมนูปูขนนึ่งเพียงอย่างเดียว เพราะนำไปทำเมนูอย่างอื่นไม่ได้รสชาติปูขนที่ดี สนนราคาปูขนหนึ่งตัว (ตัวไม่ใหญ่มากนัก) ตกตัวละ 250 บาท
      
       การทำเมนูปูขนนึ่งของที่นี่มีกรรมวิธีการนึ่งปูที่พิเศษเฉพาะไม่ เหมือนที่อื่น ตรงที่จะนำปูขนสดๆ มาล้างทำความสะอาด จากนั้นนำไปนึ่งพร้อมกับใบชาจีน เพื่อเป็นการช่วยดับกลิ่นคาวของปู นึ่งประมาณ 15-20 นาทีจนปูสุกกระดองปูกลายเป็นสีส้มๆ ชวนกิน
      
       ปูขนของที่นี่เสิร์ฟมาแบบให้กินง่ายๆ ทางร้านแกะปูมาให้เสร็จสรรพ ก้ามเป็นก้าม และแคะเนื้อปูมาเป็นส่วนๆ แล้วนำมาเรียงเป็นตัวปูใหม่อย่างสวยงาม การกินปูขนส่วนที่อร่อยที่สุดต้องกินตรงมันปู ยิ่งปูตัวผู้มีมันเยอะ มันเยิ้มๆ หอมๆ มัน สุดยอดขอบอก ส่วนไข่ปูก็มันๆ ปากดี และเนื้อปูถึงจะมีไม่มาก แต่ก็รสชาติดีจิ้มกินกับน้ำจิ้มจิ๊กโฉ่วใส่ขิง ตบท้ายการกินปูขน ทางร้านจะเสิร์ฟน้ำขิงร้อนๆ มาให้กินกลั้วคอ เพราะเชื่อว่าปูขนมีฤทธิ์เย็น ต้องแก้ด้วยฤทธิ์ร้อนจากขิง
เนื้อปลาเก๋ามังกรยัดไส้กุ้งเจี๋ยนน้ำมันหอย
       นอกจากเมนูปูขนแล้ว หากมากินอาหารตามปกติก็มีเมนูจีนชวนกินมากมาย อย่าง เนื้อปลาเก๋ามังกรยัดไส้กุ้งเจี๋ยนน้ำมันหอย (ชิ้นละ 80 บาท) เป็นเนื้อกุ้งสับปรุงรส ห่อด้วยเนื้อปลาเก๋าและชุบแป้งทอด แล้วราดด้วยน้ำมันหอยปรุงรส ลิ้มรสปลาเก๋าเนื้อแน่น เคี้ยวเด้งกรอบทั้งเนื้อปลาและเนื้อกุ้ง ออกรสเค็มๆ น้ำมันหอย และมีบล็อกโคลี่ต้มกินตัดความเลี่ยน
      
       หอยเชลล์ออสเตรเลียผัดเต้าซี่ (ตัวละ 200 บาท) หอยเชลล์ออสเตรเลียตัวโตลวกพอสะดุ้ง ผัดกับเครื่องเต้าซี่ปรุงรส ราดด้วยต้นหอม พริกสด หอมใหญ่ และมีคะน้าไต้หวันลวกเสิร์ฟมาด้วย กินเนื้อหอยเชลล์เนื้อนุ่ม เด้งเคี้ยวหนึบ หอมเครื่องผัดเต้าซี่
หอยเชลล์ออสเตรเลียผัดเต้าซี่
       เป๋าฮื้อขาห่าน (ชุดละ 350 บาท) เป๋าฮื้อตัวโต กับขาห่านตุ๋นเครื่องยาจีนจนเปื่อยนุ่ม ใส่ผักกาดแก้ว และมีน้ำแดงที่ได้มาจากซุปหูฉลามเคี่ยวกับไก่แห้งเข้มข้น ลิ้มรสเป๋าฮื้อเคี้ยวกรุบ ขาห่านเปื่อยยุ่ยได้ที่ น้ำแดงออกหวานๆ เค็มๆ หอมกลิ่นสมุนไพรจีนอ่อนๆ
เป๋าฮื้อขาห่าน
       นอกจากนี้ยังมีติ่มซำ (เข่งละ 35บาท ขึ้นไป) มีกว่า 80 ชนิด ให้เลือกกิน หมุนเวียนสลับสับเปลี่ยนกันไปกว่า 45 ชนิดต่อวัน อย่างขนมจีบ ฮะเก๋าหงส์ มี บะหมี่หยกห่อกุ้ง ฮะเก๋าหอยเชลล์ และเมนูอื่นๆ ที่ชวนกินอีก อาทิ หมูหันฮ่องกง (ตัวละ 950 บาท) พระกระโดดกำแพง (โถละ 800 บาท) หอยเชลล์ผัดซอสเอ็กซ์โอ (500 บาท, 950 บาท, 1400 บาท) ปลาเก๋ามังกรหม้อไฟ (ขายตามน้ำหนัก)
      
       เห็นทีว่าหากใครเป็นคอปูขนานแท้ และไม่อยากพลาดการได้ลิ้มรสชาติ “ปูขน” ที่นานทีปีครั้งจะมีมาให้กิน ก็ต้องหาต้องรีบหาโอกาสไปลองลิ้มกันให้จงได้
      
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *