Sunday, July 31, 2011

“แกงจืดหน่อไม้” ซดร้อนๆ หอมกรุ่นในหน้าฝน/กุ๊กเล็ก

ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 กรกฎาคม 2554 13:25 น.
โดย : กุ๊กเล็ก


       เข้าหน้าฝนแบบนี้ ตามตลาดก็มักจะเห็นผักผลไม้ประจำฤดูถูกนำออกมาวางขาย ที่เห็นชัดๆ ก็คงจะเป็น “หน่อไม้” ที่จะเห็นกันได้เฉพาะหน้าฝนแบบนี้ และนอกจากวางขายกันตามตลาดแล้ว ตามร้านขายข้าวแกงก็ยังนำเอาหน่อไม้มาดัดแปลงเป็นเมนูต่างๆ อย่างหลากหลาย
      
       ส่วนเมนูง่ายๆ ที่ “กุ๊กเล็ก” จะทำจากหน่อไม้ก็คือเมนู “แกงจืดหน่อไม้” ที่มีส่วนผสมไม่มากนัก แถมยังทำได้ง่าย ใช้เวลาไม่นานก็ได้ซดน้ำซุปร้อนๆ พร้อมกับหน่อไม้อ่อนๆ หอมอร่อย
      
       ส่วนผสมมีดังนี้
       หน่อไม้สด 2 หน่อ (ขนาดกลางๆ)
       สะโพกไก่ 1/2 กิโลกรัม
       เห็ดหอมแห้ง 5 ดอก
       เกลือ 1/2 ช้อนชา
       ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
       พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
       ผักชีสำหรับโรยหน้า
       น้ำเปล่า
      
       วิธีทำ เริ่มจากนำเห็ดหอมแห้งมาแช่น้ำจนนิ่ม จากนั้นเอาขึ้นจากน้ำพักไว้ก่อน (ถ้าเห็ดหอมดอกใหญ่ให้หั่นครึ่ง) หน่อไม้สดปอกเปลือกนอกออก หั่นเป็นชิ้นบางๆ ขนาดพอคำ แล้วนำไปต้มในน้ำเดือด ทิ้งไว้สักครู่แล้วปิดไฟ ยกลงจากเตา เทน้ำที่ต้มทิ้งไปเพื่อไม่ให้แกงจืดมีรสขม นำน้ำใส่หม้อแล้วยกขึ้นตั้งไฟปานกลาง ใส่สะโพกไก่ ต้มจนสุก หมั่นช้อนฟองออก จากนั้นใส่หน่อไม้ เห็ดหอม ปรุงรสใส่เกลือและซีอิ้วขาว เคี่ยวต่อไปเรื่อยๆ โดยใช้ไฟอ่อน ประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นปิดไฟ โรยพริกไทยป่นและผักชี ตักใส่ถ้วยแล้วยกเสิร์ฟได้เลย
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9540000089852

“แกงจืดหน่อไม้” ซดร้อนๆ หอมกรุ่นในหน้าฝน/กุ๊กเล็ก

ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 กรกฎาคม 2554 13:25 น.
โดย : กุ๊กเล็ก


       เข้าหน้าฝนแบบนี้ ตามตลาดก็มักจะเห็นผักผลไม้ประจำฤดูถูกนำออกมาวางขาย ที่เห็นชัดๆ ก็คงจะเป็น “หน่อไม้” ที่จะเห็นกันได้เฉพาะหน้าฝนแบบนี้ และนอกจากวางขายกันตามตลาดแล้ว ตามร้านขายข้าวแกงก็ยังนำเอาหน่อไม้มาดัดแปลงเป็นเมนูต่างๆ อย่างหลากหลาย
      
       ส่วนเมนูง่ายๆ ที่ “กุ๊กเล็ก” จะทำจากหน่อไม้ก็คือเมนู “แกงจืดหน่อไม้” ที่มีส่วนผสมไม่มากนัก แถมยังทำได้ง่าย ใช้เวลาไม่นานก็ได้ซดน้ำซุปร้อนๆ พร้อมกับหน่อไม้อ่อนๆ หอมอร่อย
      
       ส่วนผสมมีดังนี้
       หน่อไม้สด 2 หน่อ (ขนาดกลางๆ)
       สะโพกไก่ 1/2 กิโลกรัม
       เห็ดหอมแห้ง 5 ดอก
       เกลือ 1/2 ช้อนชา
       ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
       พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
       ผักชีสำหรับโรยหน้า
       น้ำเปล่า
      
       วิธีทำ เริ่มจากนำเห็ดหอมแห้งมาแช่น้ำจนนิ่ม จากนั้นเอาขึ้นจากน้ำพักไว้ก่อน (ถ้าเห็ดหอมดอกใหญ่ให้หั่นครึ่ง) หน่อไม้สดปอกเปลือกนอกออก หั่นเป็นชิ้นบางๆ ขนาดพอคำ แล้วนำไปต้มในน้ำเดือด ทิ้งไว้สักครู่แล้วปิดไฟ ยกลงจากเตา เทน้ำที่ต้มทิ้งไปเพื่อไม่ให้แกงจืดมีรสขม นำน้ำใส่หม้อแล้วยกขึ้นตั้งไฟปานกลาง ใส่สะโพกไก่ ต้มจนสุก หมั่นช้อนฟองออก จากนั้นใส่หน่อไม้ เห็ดหอม ปรุงรสใส่เกลือและซีอิ้วขาว เคี่ยวต่อไปเรื่อยๆ โดยใช้ไฟอ่อน ประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นปิดไฟ โรยพริกไทยป่นและผักชี ตักใส่ถ้วยแล้วยกเสิร์ฟได้เลย
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9540000089852

"สีเทา" อาหารอร่อยที่ "บางสะเหร่" / สันติ เศวตวิมล

ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 กรกฎาคม 2554 17:03 น.
  โดย : สันติ เศวตวิมล
"ป้าสีเทา" ต้องแอบถ่าย ป้าแกขี้อาย
       ตำนานเก่าเจ้าของสูตร "ปลาหมึกผัดไข่เค็ม"
       เล่ากันว่าถ้าไม่ถูกชะตาลูกค้า...ป้าแกไม่ขาย
      
       "ป้าช้อย"...เคยเล่าให้ผมฟังว่า
      
       ตอนเด็ก...เด็ก ป้าแกโตที่เมืองชลฯ แต่ป้าแกเกิดที่ฝั่งธนฯ เพราะฉะนั้น เมื่อสมัยเล็กๆ แกก็เลยมีเพื่อนสองจังหวัด
      
       ที่เมืองบางปลาสร้อย ชื่อเดิมของจังหวัดชลบุรี เพื่อนป้าแกเป็นเจ้าของรานอาหารดังหลายสิบเจ้า ที่ยังขายอยู่ก็มี ที่เลิกแล้วก็เยอะ
      
       แต่ที่เจอะเจอกันอยู่บ่อย...บ่อย ก็มี "ป้าสีเทา" ร้านอาหารทะเลบางสะเหร่ ที่นักเปิบพันธุ์แท้แต่ก่อนเก่ารู้จักกันดี เพราะร้านนี้เขาอยู่ท่าเรือบางสะเหร่ สัตหีบมาห้าสิบกว่าปี
      
       เป็นร้านอาหารฝีมือของคนเมืองชลขนานแท้
      
       แต่ตอนนี้เมืองชลฯลฯ โดยเฉพาะที่พัทยา คนต่างถิ่น...ต่างฝีมือแห่กันเข้ามาทำร้านอาหาร ซึ่งก็ต้องขอบอกกันว่า...ไม่ใช่ฝีมือคนเมืองชลอย่างอีชั้น หรือ "ป้าสีเทา" เจ้านี้หรอก...จะบอกให้
เมนูดังประจำร้าน ปลาหมึกผัดไข่เค็ม/ยำมะเขืออ่อน/ปลาหางเหลืองยำ/ปลาทะเลต้มยำน้ำใส/ผัด ไทย/หมู-เนื้อแดดเดียว/ปลาทะเลยำ และอื่น...อื่นอีกมากมาย
       "ป้าสีเทา"...แต่เดิมแกไม่ได้ชื่อนี้หรอก แกชื่อว่า "กระท่อม"
      
       แล้วชื่อ "สีเทา" ตามชื่อร้าน ก็มาจากชื่อ "สินเธาว์" ซึ่งเป็นชื่อพี่สาว แต่พอมาตั้งร้านขายอาหารที่บางสะเหร่ ลูกค้าเรียกสินเธาว์เพี้ยน...เพี้ยน เปลี่ยนเป็น "สีเทา" ซึ่งเอาก็เอา
      
       พอพี่สาวตาย ชื่อนี้ก็กลายเป็นชื่อของ "ป้ากระท่อม" ไปโดยปริยายเพราะเป็นเจ้าของร้าน "สีเทา" แต่เพียงผู้เดียว
      
       ร้าน "สีเทา" เป็นร้านเก่าแก่ของท่าเรือบางสะเหร่ เฉพาะที่ผมเคยไปกินกับป้าช้อยก็อร่อยเหาะกันมาสาม...สี่สิบปีแล้ว
      
       ตอนนั้นผมยังชอบไปดูเพื่อนตกปลาที่ "เกาะคราม" ตรงข้ามกับบางสะเหร่
      
       พอตกได้ปลามา ก็จะหอบไปให้ "ป้ากร" หรือ "ป้าสีเทา" ทำกับข้าวให้กิน อร่อยลิ้นทุกเมนู เพราะลิ้นผมยังเป็นลิ้นของคนเมืองชล อาหารจัดจ้านอย่างไร ก็ต้องขอติดหวานไว้ปลายลิ้น
บรรยากาศหลังร้านเป็นสวนร่มรื่น แต่หน้าร้านเป็นตลาดชาวบ้าน
       แต่ร้าน "สีเทา" น่ะเขาโด่งดังมากตั้งแต่เมื่อสี่...ห้าสิบปีก่อน คือเป็นตำรับอาหารจานอร่อยที่สมัยนี้มีคนลอกเลียนเอาไปทำตาม แต่อร่อยไม่ถึงครึ่งฝีมือคุณป้า คือ..."ปลาหมึกกล้วยผัดไข่เค็ม"
       

       (ถ้าอยากรู้ว่าอร่อยแค่ไหน ถ้าไม่ไปบางสะเหร่ ก็เร่มากินที่ร้านกาแฟ "แม่ช้อยดอยหลวง" ซอยเรวดี 62 เมืองนนท์ โทร. 02 969 0028 หรือ 081 553 8475 คุณยี่หว่าเจ้าจองร้านเป็นลูกศิษย์หัวแก้วหัวแหวนของ "ป้าท่อม" เขา!!)
      
       "ป้าท่อม"...ร้านสีเทา ทำอาหารอร่อยขึ้นชื่อมานานแล้ว บรรดานักเปิบ...นักกินระดับชาติรู้จักกันมานานแล้ว
      
       ลูกค้าส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับเศรษฐี อย่างเจ้าสัว "อุเทน เตชะไพบูลย์" ลูกค้าประจำหรือคุณ "มงคล กาญจนพาสต์" รถไฟฟ้าก็ไม่เคยขาด
      
       ลูกค้าใหญ่โตร่ำรวยมโหฬารมากหน้าจนเป็นเหตุให้ไปเล่าลือกันว่า ร้าน "สีเทา" จะขายอาหารให้เฉพาะคนที่มี "โหงวเฮ้ง" ถูกใจคนขายเท่านั้น...ถ้าไม่ถูกใจป้า แกก็จะไม่ขาย ไม่ทำให้กินซะอย่างนั้น
       ยิ่งตอนนี้ "ป้าท่อม" แกจะวางมือไปเพราะไปสนุกกับขี่รถจักรยานประเภทเสือภูขา แม่เจ้าโว้ย...อายุก็ปาจะเข้าเจ็ดสิบอยู่รอมร่ออยู่รำไรแล้วนะเนี่ย!!
      
       "ป้าท่อม" กับรถจักรยานราคาเป็นล้าน
      
       ทุกเช้าป้าแกจะขี่จักรยานเป็นสิบ...สิบโล ขี่ทั้งที่สูง ทั้งที่ราบ ได้รางวัลมากมายดูได้ในร้าน ที่สำคัญมีรถจักรยานคนหนึ่งของป้ายี่ห้อ "ปอร์เช่" ราคาเป็นล้าน
      
       ป้าแกขี่เช้า...ป้าแกขี่เย็น ขี่เป็นประจำเพราะร่ำรวยเป็นสิบ...สิบล้าน ลูกหลานก็ไม่มี...ตัวคนเดียวเปลี่ยวเอกา
      
       ที่ผมหยิบเอาเรื่องราวร้านอาหารทะเลสีเทาที่ท่าเรือบางสะเหร่ สัตหีบมาเขียนถึงศุกร์นี้ก็เพราะ
      
       วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคมที่จะถึงนี้ ผมกับป้าช้อยจะพาลูกค้า "บริษัทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)" เดินทางไปเที่ยวชลบุรี แล้วก็จะพาไปเปิบอาหารร้าน "สีเทา" ที่ว่า ก็อยากจะเรียนให้แควน...แควนคุณป้าได้รู้ไว้ว่า
       ถึง "ป้าท่อม สีเทา" จะวางตะหลิวไปถือแฮนด์จักรยาน ไม่ยอมทำอาหารอร่อย...อร่อยให้ลูกค้า แต่ทว่างานนี้ "ป้าท่อม" สัญญิงสัญญาว่า จะวางรถจักรยานเข้าครัวทำอาหารให้ได้รู้ฝีมือคนเมืองชลฯ คนเมืองปลาสร้อย...ทำอาหารอร่อยระดับชาติอย่างไร
      
       เขียนยืนยันเอาไว้ล่วงหน้ากันป้าแกเบี้ยว กลัวจริง...จริง "ศิลปินหน้าเตาไฟ" งานนี้ป้าท่อมเบี้ยวไม่ได้สัญญาต่อหน้าองค์พระมาลัย จำได้หรือเปล่า
      
       ...เบี้ยวคราวนั้นผมก็เลยมีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง ส่วนป้าอยู่คนเดียวเปลี่ยวเอกา แถมจะมาเอาลูกชายผมไปเป็นลูกบุญธรรมด้วยเอ๊า!!...เอ๊า!!
      
       
       *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *
       *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *
      
       บ้านสีเทา ตำบลบางสะเหร่ อำเภอสัตตหีบ ชลบุรี โทรศัพท์ 038 436 583
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9540000092781

"สีเทา" อาหารอร่อยที่ "บางสะเหร่" / สันติ เศวตวิมล

ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 กรกฎาคม 2554 17:03 น.
  โดย : สันติ เศวตวิมล
"ป้าสีเทา" ต้องแอบถ่าย ป้าแกขี้อาย
       ตำนานเก่าเจ้าของสูตร "ปลาหมึกผัดไข่เค็ม"
       เล่ากันว่าถ้าไม่ถูกชะตาลูกค้า...ป้าแกไม่ขาย
      
       "ป้าช้อย"...เคยเล่าให้ผมฟังว่า
      
       ตอนเด็ก...เด็ก ป้าแกโตที่เมืองชลฯ แต่ป้าแกเกิดที่ฝั่งธนฯ เพราะฉะนั้น เมื่อสมัยเล็กๆ แกก็เลยมีเพื่อนสองจังหวัด
      
       ที่เมืองบางปลาสร้อย ชื่อเดิมของจังหวัดชลบุรี เพื่อนป้าแกเป็นเจ้าของรานอาหารดังหลายสิบเจ้า ที่ยังขายอยู่ก็มี ที่เลิกแล้วก็เยอะ
      
       แต่ที่เจอะเจอกันอยู่บ่อย...บ่อย ก็มี "ป้าสีเทา" ร้านอาหารทะเลบางสะเหร่ ที่นักเปิบพันธุ์แท้แต่ก่อนเก่ารู้จักกันดี เพราะร้านนี้เขาอยู่ท่าเรือบางสะเหร่ สัตหีบมาห้าสิบกว่าปี
      
       เป็นร้านอาหารฝีมือของคนเมืองชลขนานแท้
      
       แต่ตอนนี้เมืองชลฯลฯ โดยเฉพาะที่พัทยา คนต่างถิ่น...ต่างฝีมือแห่กันเข้ามาทำร้านอาหาร ซึ่งก็ต้องขอบอกกันว่า...ไม่ใช่ฝีมือคนเมืองชลอย่างอีชั้น หรือ "ป้าสีเทา" เจ้านี้หรอก...จะบอกให้
เมนูดังประจำร้าน ปลาหมึกผัดไข่เค็ม/ยำมะเขืออ่อน/ปลาหางเหลืองยำ/ปลาทะเลต้มยำน้ำใส/ผัด ไทย/หมู-เนื้อแดดเดียว/ปลาทะเลยำ และอื่น...อื่นอีกมากมาย
       "ป้าสีเทา"...แต่เดิมแกไม่ได้ชื่อนี้หรอก แกชื่อว่า "กระท่อม"
      
       แล้วชื่อ "สีเทา" ตามชื่อร้าน ก็มาจากชื่อ "สินเธาว์" ซึ่งเป็นชื่อพี่สาว แต่พอมาตั้งร้านขายอาหารที่บางสะเหร่ ลูกค้าเรียกสินเธาว์เพี้ยน...เพี้ยน เปลี่ยนเป็น "สีเทา" ซึ่งเอาก็เอา
      
       พอพี่สาวตาย ชื่อนี้ก็กลายเป็นชื่อของ "ป้ากระท่อม" ไปโดยปริยายเพราะเป็นเจ้าของร้าน "สีเทา" แต่เพียงผู้เดียว
      
       ร้าน "สีเทา" เป็นร้านเก่าแก่ของท่าเรือบางสะเหร่ เฉพาะที่ผมเคยไปกินกับป้าช้อยก็อร่อยเหาะกันมาสาม...สี่สิบปีแล้ว
      
       ตอนนั้นผมยังชอบไปดูเพื่อนตกปลาที่ "เกาะคราม" ตรงข้ามกับบางสะเหร่
      
       พอตกได้ปลามา ก็จะหอบไปให้ "ป้ากร" หรือ "ป้าสีเทา" ทำกับข้าวให้กิน อร่อยลิ้นทุกเมนู เพราะลิ้นผมยังเป็นลิ้นของคนเมืองชล อาหารจัดจ้านอย่างไร ก็ต้องขอติดหวานไว้ปลายลิ้น
บรรยากาศหลังร้านเป็นสวนร่มรื่น แต่หน้าร้านเป็นตลาดชาวบ้าน
       แต่ร้าน "สีเทา" น่ะเขาโด่งดังมากตั้งแต่เมื่อสี่...ห้าสิบปีก่อน คือเป็นตำรับอาหารจานอร่อยที่สมัยนี้มีคนลอกเลียนเอาไปทำตาม แต่อร่อยไม่ถึงครึ่งฝีมือคุณป้า คือ..."ปลาหมึกกล้วยผัดไข่เค็ม"
       

       (ถ้าอยากรู้ว่าอร่อยแค่ไหน ถ้าไม่ไปบางสะเหร่ ก็เร่มากินที่ร้านกาแฟ "แม่ช้อยดอยหลวง" ซอยเรวดี 62 เมืองนนท์ โทร. 02 969 0028 หรือ 081 553 8475 คุณยี่หว่าเจ้าจองร้านเป็นลูกศิษย์หัวแก้วหัวแหวนของ "ป้าท่อม" เขา!!)
      
       "ป้าท่อม"...ร้านสีเทา ทำอาหารอร่อยขึ้นชื่อมานานแล้ว บรรดานักเปิบ...นักกินระดับชาติรู้จักกันมานานแล้ว
      
       ลูกค้าส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับเศรษฐี อย่างเจ้าสัว "อุเทน เตชะไพบูลย์" ลูกค้าประจำหรือคุณ "มงคล กาญจนพาสต์" รถไฟฟ้าก็ไม่เคยขาด
      
       ลูกค้าใหญ่โตร่ำรวยมโหฬารมากหน้าจนเป็นเหตุให้ไปเล่าลือกันว่า ร้าน "สีเทา" จะขายอาหารให้เฉพาะคนที่มี "โหงวเฮ้ง" ถูกใจคนขายเท่านั้น...ถ้าไม่ถูกใจป้า แกก็จะไม่ขาย ไม่ทำให้กินซะอย่างนั้น
       ยิ่งตอนนี้ "ป้าท่อม" แกจะวางมือไปเพราะไปสนุกกับขี่รถจักรยานประเภทเสือภูขา แม่เจ้าโว้ย...อายุก็ปาจะเข้าเจ็ดสิบอยู่รอมร่ออยู่รำไรแล้วนะเนี่ย!!
      
       "ป้าท่อม" กับรถจักรยานราคาเป็นล้าน
      
       ทุกเช้าป้าแกจะขี่จักรยานเป็นสิบ...สิบโล ขี่ทั้งที่สูง ทั้งที่ราบ ได้รางวัลมากมายดูได้ในร้าน ที่สำคัญมีรถจักรยานคนหนึ่งของป้ายี่ห้อ "ปอร์เช่" ราคาเป็นล้าน
      
       ป้าแกขี่เช้า...ป้าแกขี่เย็น ขี่เป็นประจำเพราะร่ำรวยเป็นสิบ...สิบล้าน ลูกหลานก็ไม่มี...ตัวคนเดียวเปลี่ยวเอกา
      
       ที่ผมหยิบเอาเรื่องราวร้านอาหารทะเลสีเทาที่ท่าเรือบางสะเหร่ สัตหีบมาเขียนถึงศุกร์นี้ก็เพราะ
      
       วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคมที่จะถึงนี้ ผมกับป้าช้อยจะพาลูกค้า "บริษัทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)" เดินทางไปเที่ยวชลบุรี แล้วก็จะพาไปเปิบอาหารร้าน "สีเทา" ที่ว่า ก็อยากจะเรียนให้แควน...แควนคุณป้าได้รู้ไว้ว่า
       ถึง "ป้าท่อม สีเทา" จะวางตะหลิวไปถือแฮนด์จักรยาน ไม่ยอมทำอาหารอร่อย...อร่อยให้ลูกค้า แต่ทว่างานนี้ "ป้าท่อม" สัญญิงสัญญาว่า จะวางรถจักรยานเข้าครัวทำอาหารให้ได้รู้ฝีมือคนเมืองชลฯ คนเมืองปลาสร้อย...ทำอาหารอร่อยระดับชาติอย่างไร
      
       เขียนยืนยันเอาไว้ล่วงหน้ากันป้าแกเบี้ยว กลัวจริง...จริง "ศิลปินหน้าเตาไฟ" งานนี้ป้าท่อมเบี้ยวไม่ได้สัญญาต่อหน้าองค์พระมาลัย จำได้หรือเปล่า
      
       ...เบี้ยวคราวนั้นผมก็เลยมีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง ส่วนป้าอยู่คนเดียวเปลี่ยวเอกา แถมจะมาเอาลูกชายผมไปเป็นลูกบุญธรรมด้วยเอ๊า!!...เอ๊า!!
      
       
       *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *
       *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *
      
       บ้านสีเทา ตำบลบางสะเหร่ อำเภอสัตตหีบ ชลบุรี โทรศัพท์ 038 436 583
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9540000092781

“เทสตี้” หอมนุ่มเบเกอรี่โฮมเมด สดใหม่ ยั่วใจ

ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 กรกฎาคม 2554 11:32 น.
บรรยากาศภายในร้านเทสตี้
       กลิ่นหอมๆ ของนม เนย จากเบเกอรี่เวลาโชยมาเข้าจมูกแล้ว มันช่างยั่วให้น้ำลายพาลจะไหลเสียจริงเชียว เพราะในมื้อนี้ “ผ่านมาแวะกิน” กำลังก้าวเท้าเดินตามกลิ่นของเบเกอรี่เข้ามายังร้าน “เทสตี้” (TASTY) ซึ่งเป็นร้านเบเกอรี่ชื่อดังอยู่แถวย่านสะพานควาย
      
       “เทสตี้” ร้านนี้เปิดขายเบเกอรี่มานานกว่า 40 ปีแล้ว เป็นที่รู้จักกันดีของคนย่านสะพานควายว่าที่นี่ขายเบเกอรี่แบบโฮมเมดที่ทำสด ใหม่ทุกวัน ไม่มีการใส่สารกันบูดแต่อย่างใด และจะมีเบเกอรี่แบบหลากหลายชนิดทำออกมาขายวันละประมาณ 30 ชนิด
เอแคลร์ไส้ครีม
       แต่ถ้ามาร้านเทสตี้แล้ว แน่นอนว่าก็ต้องสั่งเบเกอรี่ตัวเด่นๆ ของที่นี่มาชิมให้ได้ อย่างแรกคือ เอแคลร์ไส้ครีม (ลูก ละ 3 บาท) เป็นเอแคลร์ที่ขายดีมากๆ ของทางร้าน มีจุดเด่นอยู่ที่แป้งที่เป็นเปลือกข้างนอกนั้นบางนุ่มมาก ส่วนไส้ครีมข้างในหอมหวานนุ่มเนียนละมุนลิ้นจริงๆ แถมยังมีเอแคลร์ไส้ชอคโกแลตให้เลือกชิมอีกรสด้วย
ชีสไส้กรอก
       อย่างต่อมาคือ ชีสไส้กรอก (ชิ้นละ 14 บาท) เป็นขนมปังสูตรพิเศษของทางร้านที่ตัวแป้งออกนุ่มๆ มีรสหวานในตัวอยู่แล้ว และไส้ข้างในก็เป็นไส้กรอกหมู ใส่มายองเนสกับชีสแล้วอบพร้อมกัน กินแล้วขนมปังนุ่มนิ่มเข้ากันดีกับไส้กรอกและชีส
พายไก่
       พายไก่ (ชิ้นละ 14 บาท) ลักษณะเป็นแป้งพายแต่ว่าทางร้านทำเป็นรูปถ้วย แล้วข้างในก็ใส่ไส้ไก่ที่เลือกเอาแต่เนื้อไก่ส่วนสะโพกมาผัดปรุงรสชาติตาม สูตรของทางร้าน และด้านล่างตัวพายยังใส่มันฝรั่งเป็นชิ้นๆ ตกแต่งด้านหน้าด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์เข้าเตาอบจนสุก ได้พายไก่ที่แป้งพายนุ่มๆ เข้ากับไส้ไก่รสกลมกล่อมถูกปากดี
ขนมปังไส้หมูสับ
       ขนมปังไส้หมูสับ (แพ็คละ 40 บาท) เป็นขนมปังเนื้อนุ่มที่ข้างในสอดไส้หมูสับปรุงรสผสมกับมันแกวที่ทางร้านปรุง ขึ้นมาตามสูตรเฉพาะแล้วอบจนสุก ชิมแล้วขนมปังเนื้อนุ่มปากเข้ากับหมูสับรสชาติกำลังดี
เค้กแครอท
       เค้กแครอท (ชิ้นละ 8 บาท) ลักษณะคล้ายเค้กกล้วยหอม แต่นำเอาแครอทมาขูดเป็นเส้นๆ แล้วผสมแป้งเค้ก เป็นเค้กแครอท โรยหน้าด้วยลูกเกดอบมาร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมดีจริง กินแล้วเนื้อเค้กนิ่มๆ รสกลมกล่อมลิ้นถูกปากไม่น้อย
      
       นี่เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวเบเกอรี่ตัวเด่นๆ ที่ขายดีของทางร้านและชวนกินเอามากๆ แต่ว่าก็ยังมีเบเกอรี่อย่างอื่นอีกมากมาย ที่อยากแนะนำให้ลองชิมกัน อาทิ ขนมปังไส้ไก่ (แพ็คละ 40 บาท) ขนมปังไส้สังขยา (แพ็คละ 40 บาท) ขนมปังไส้หมูหยองน้ำพริกเผา (แพ็คละ 40 บาท) ขนมเปี๊ยะ (เล็ก 100 บาท ใหญ่ 150 บาท) คุกกี้อัลมอนต์ คุกกี้เม็ดมะม่วงหิมพานต์ (ขายกิโลกรัมละ 370 บาท) และอีกสารพัดเบเกอรี่โฮมเมดที่ทางร้าน “เทสตี้” ทำสดใหม่หอมนุ่มล้วนแล้วแต่น่ากินทั้งนั้นเลย
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       ร้าน “เทสตี้” (TASTY) ตั้งอยู่ที่ 524/1-2 ถ. พหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. การเดินทางถ้ามาจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ให้ตรงมาที่ถ.พหลโยธิน (ขาออก) ขับมุ่งหน้ามาสะพานควาย และให้กลับรถตรงแยกสะพานควาย แล้วชิดซ้ายไว้จะเห็นร้านตั้งอยู่ริมถนน (จุดสังเกตอยู่ก่อนถึงธนาคารออมสิน สนง.ใหญ่) สามารถจอดรถได้เลยจากร้านไปนิดเดียว จะเห็นซอยที่เป็นลานจอดรถเก็บเงิน ร้านเปิดทุกวัน เวลา 07.00-19.00 น. ทางร้านรับสั่งทำเบเกอรี่ด้วย โทร.สั่งล่วงหน้า 1 วัน โทร. 0-2278-1662, 0-2278-0600, 0-2279-3561, 0-2279-7958
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9540000093324

“เทสตี้” หอมนุ่มเบเกอรี่โฮมเมด สดใหม่ ยั่วใจ

ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 กรกฎาคม 2554 11:32 น.
บรรยากาศภายในร้านเทสตี้
       กลิ่นหอมๆ ของนม เนย จากเบเกอรี่เวลาโชยมาเข้าจมูกแล้ว มันช่างยั่วให้น้ำลายพาลจะไหลเสียจริงเชียว เพราะในมื้อนี้ “ผ่านมาแวะกิน” กำลังก้าวเท้าเดินตามกลิ่นของเบเกอรี่เข้ามายังร้าน “เทสตี้” (TASTY) ซึ่งเป็นร้านเบเกอรี่ชื่อดังอยู่แถวย่านสะพานควาย
      
       “เทสตี้” ร้านนี้เปิดขายเบเกอรี่มานานกว่า 40 ปีแล้ว เป็นที่รู้จักกันดีของคนย่านสะพานควายว่าที่นี่ขายเบเกอรี่แบบโฮมเมดที่ทำสด ใหม่ทุกวัน ไม่มีการใส่สารกันบูดแต่อย่างใด และจะมีเบเกอรี่แบบหลากหลายชนิดทำออกมาขายวันละประมาณ 30 ชนิด
เอแคลร์ไส้ครีม
       แต่ถ้ามาร้านเทสตี้แล้ว แน่นอนว่าก็ต้องสั่งเบเกอรี่ตัวเด่นๆ ของที่นี่มาชิมให้ได้ อย่างแรกคือ เอแคลร์ไส้ครีม (ลูก ละ 3 บาท) เป็นเอแคลร์ที่ขายดีมากๆ ของทางร้าน มีจุดเด่นอยู่ที่แป้งที่เป็นเปลือกข้างนอกนั้นบางนุ่มมาก ส่วนไส้ครีมข้างในหอมหวานนุ่มเนียนละมุนลิ้นจริงๆ แถมยังมีเอแคลร์ไส้ชอคโกแลตให้เลือกชิมอีกรสด้วย
ชีสไส้กรอก
       อย่างต่อมาคือ ชีสไส้กรอก (ชิ้นละ 14 บาท) เป็นขนมปังสูตรพิเศษของทางร้านที่ตัวแป้งออกนุ่มๆ มีรสหวานในตัวอยู่แล้ว และไส้ข้างในก็เป็นไส้กรอกหมู ใส่มายองเนสกับชีสแล้วอบพร้อมกัน กินแล้วขนมปังนุ่มนิ่มเข้ากันดีกับไส้กรอกและชีส
พายไก่
       พายไก่ (ชิ้นละ 14 บาท) ลักษณะเป็นแป้งพายแต่ว่าทางร้านทำเป็นรูปถ้วย แล้วข้างในก็ใส่ไส้ไก่ที่เลือกเอาแต่เนื้อไก่ส่วนสะโพกมาผัดปรุงรสชาติตาม สูตรของทางร้าน และด้านล่างตัวพายยังใส่มันฝรั่งเป็นชิ้นๆ ตกแต่งด้านหน้าด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์เข้าเตาอบจนสุก ได้พายไก่ที่แป้งพายนุ่มๆ เข้ากับไส้ไก่รสกลมกล่อมถูกปากดี
ขนมปังไส้หมูสับ
       ขนมปังไส้หมูสับ (แพ็คละ 40 บาท) เป็นขนมปังเนื้อนุ่มที่ข้างในสอดไส้หมูสับปรุงรสผสมกับมันแกวที่ทางร้านปรุง ขึ้นมาตามสูตรเฉพาะแล้วอบจนสุก ชิมแล้วขนมปังเนื้อนุ่มปากเข้ากับหมูสับรสชาติกำลังดี
เค้กแครอท
       เค้กแครอท (ชิ้นละ 8 บาท) ลักษณะคล้ายเค้กกล้วยหอม แต่นำเอาแครอทมาขูดเป็นเส้นๆ แล้วผสมแป้งเค้ก เป็นเค้กแครอท โรยหน้าด้วยลูกเกดอบมาร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมดีจริง กินแล้วเนื้อเค้กนิ่มๆ รสกลมกล่อมลิ้นถูกปากไม่น้อย
      
       นี่เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวเบเกอรี่ตัวเด่นๆ ที่ขายดีของทางร้านและชวนกินเอามากๆ แต่ว่าก็ยังมีเบเกอรี่อย่างอื่นอีกมากมาย ที่อยากแนะนำให้ลองชิมกัน อาทิ ขนมปังไส้ไก่ (แพ็คละ 40 บาท) ขนมปังไส้สังขยา (แพ็คละ 40 บาท) ขนมปังไส้หมูหยองน้ำพริกเผา (แพ็คละ 40 บาท) ขนมเปี๊ยะ (เล็ก 100 บาท ใหญ่ 150 บาท) คุกกี้อัลมอนต์ คุกกี้เม็ดมะม่วงหิมพานต์ (ขายกิโลกรัมละ 370 บาท) และอีกสารพัดเบเกอรี่โฮมเมดที่ทางร้าน “เทสตี้” ทำสดใหม่หอมนุ่มล้วนแล้วแต่น่ากินทั้งนั้นเลย
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       ร้าน “เทสตี้” (TASTY) ตั้งอยู่ที่ 524/1-2 ถ. พหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. การเดินทางถ้ามาจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ให้ตรงมาที่ถ.พหลโยธิน (ขาออก) ขับมุ่งหน้ามาสะพานควาย และให้กลับรถตรงแยกสะพานควาย แล้วชิดซ้ายไว้จะเห็นร้านตั้งอยู่ริมถนน (จุดสังเกตอยู่ก่อนถึงธนาคารออมสิน สนง.ใหญ่) สามารถจอดรถได้เลยจากร้านไปนิดเดียว จะเห็นซอยที่เป็นลานจอดรถเก็บเงิน ร้านเปิดทุกวัน เวลา 07.00-19.00 น. ทางร้านรับสั่งทำเบเกอรี่ด้วย โทร.สั่งล่วงหน้า 1 วัน โทร. 0-2278-1662, 0-2278-0600, 0-2279-3561, 0-2279-7958
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9540000093324

Tuesday, July 26, 2011

“บะหมี่หัวโต” เหนียวนุ่ม เด้งสด รสเด็ดโดนใจ

ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 กรกฎาคม 2554 13:00 น.
 โดย : ผ่านมาแวะกิน (travel_astvmgr@hotmail.com)
บรรยากาศที่นั่งภายในร้านบะหมี่หัวโต
       ร้านอาหารอร่อยๆ ที่ขายกันมาอย่างยาวนานในกรุงเทพฯ ของเรานั้นก็มีอยู่หลากหลายร้าน ซึ่งระยะเวลาในการขายที่ยาวนานและยังมีลูกค้าแวะเวียนกันไปอย่างไม่ขาดสาย นั้นก็เป็นเครื่องรับประกันได้ถึงความอร่อยถูกปาก อย่างเช่นร้านที่ “ผ่านมาแวะกิน” จะพาไปลองชิมกันในวันนี้ ก็เปิดขายกันมากว่า 40 ปีแล้ว และยังคงเป็นร้านที่ขึ้นชื่อในเรื่องของบะหมี่ในย่านศรีย่าน
      
       ร้านนี้มีชื่อว่า “บะหมี่หัวโต” ที่มีความโดดเด่นอยู่ที่เส้นบะหมี่ที่ไม่เหมือนร้านไหนๆ คือ จะเป็นบะหมี่เส้นใหญ่ กลม เด้ง ที่ทางร้านทำเองสดๆ ชั่วโมงต่อชั่วโมง มีส่วนผสมของแป้ง ไข่ไก่ และน้ำ โดยไม่ได้ใส่สี หรือสารกันบูดลงไป ส่วนกรรมวิธีการทำก็ยังใช้มือนวดแป้งให้ได้ที่ ก่อนจะใช้เครื่องมาตัดเป็นเส้นๆ
บะหมี่เกี๊ยวแห้งหมูแดงหมูกรอบ
       มาลองชิมเมนูอร่อยของร้าน บะหมี่เกี๊ยวแห้งหมูแดงหมูกรอบ (40 บาท พิเศษ 45 บาท) ที่ใช้เส้นบะหมี่ที่ทางร้านทำเอง ส่วนตัวเกี๊ยวนั้นก็ใช้แป้งแบบเดียวกับที่ทำเส้นบะหมี่มาทำเป็นแผ่นแล้วใส่ ไส้หมูบดปรุงรส หมูแดงจะเลือกใช้สะโพกหมูมาหมักกับเครื่องเทศต่างๆ ทิ้งไว้ข้ามคืนจากนั้นก็นำมาย่าง ส่วนหมูกรอบจะใช้สามชั้นที่มีเนื้อเยอะมาหมัก ก่อนจะนำไปต้ม แล้วทอดถึงสองครั้ง จากนั้นก็จะนำไปย่าง และอีกหนึ่งความพิเศษของจานนี้ก็คือ จะใส่กระเทียมเจียว ซึ่งเป็นกระเทียมที่ตากแห้งแล้วนำมาเจียวพร้อมกับใส่เครื่องปรุงรสลงไปด้วย ชิมเมนูนี้ได้รสบะหมี่ที่นุ่มเด้ง เกี๊ยวนุ่มเต็มปากเต็มคำ หมูแดงไม่หวานมาก หมูกรอบเนื้อนุ่มหนังกรอบ
ข้าวซี่โครงหมูอบ
       จากนั้นมาชิม ข้าวซี่โครงหมูอบ (30 บาท) ที่ใช้ข้าวหอมมะลิหุงสุกร้อนๆ ราดด้วยซี่โครงหมูอ่อนที่นำมาหมักกับเครื่องเทศจีน ก่อนจะนำไปตุ๋นจนเปื่อยถึง 4 ชั่วโมง และเสิร์ฟมาพร้อมกับคะน้าฮ่องกงลวก ลองชิมแล้วซี่โครงหมูเปื่อยนุ่มละลายในปาก น้ำราดที่ได้จากการตุ๋นซี่โครงก็หวานหอมดี คะน้าฮ่องกงกรอบๆ กินคู่กันเพิ่มรสชาติ
      
       และมาถึงเมนู กระเพาะปลา (30 บาท พิเศษ 40 บาท) ทางร้านใช้กระเพาะปลาแท้ๆ มาล้างและต้มหลายเที่ยว ทำให้ไม่คาว ไม่มัน ส่วนตัวน้ำซุปนั้นต้มแยกกันต่างหาก เป็นกระเพาะปลาสไตล์จีนที่ใส่ทั้งเลือด น่องไก่ หน่อไม้ เห็ดหอม และไข่นกกระทา ซึ่งเวลาจะเสิร์ฟนั้นถึงจะนำน้ำซุป กระเพาะปลา และเครื่องเคราต่างๆ มาปรุงผสมกัน กระเพาะปลาชามนี้หอมกรุ่น รสชาติกลมกล่อมแบบไม่ต้องปรุงเพิ่ม แต่ถ้าใครที่ชอบให้มีรสชาติจัดจ้านขึ้น จะเติมจิ๊กโช่วลงไปอีกเล็กน้อยก็ยังได้
กระเพาะปลา
       ส่วนเมนูกินเล่นที่ร้านนี้ก็มีให้ลองชิม อย่างเช่น ปอเปี๊ยะสด (20 บาท) ที่จะใช้แผ่นแป้งปอเปี๊ยะมาห่อกับไส้ที่ใส่มาทั้งหมูตั้ง กุนเชียง เต้าหู้พะโล้ ถั่วงอก แตงกวา และไข่เจียว ส่วนน้ำราดจะเป็นสไตล์จีนที่มีส่วนผสมของน้ำมะขามเปียก น้ำกะทิ พริกไทย และเครื่องเทศจีน นำมาเคี่ยวรวมกันหลายชั่วโมงเพื่อให้ได้น้ำราดที่เหนียวข้น ชิมปอเปี๊ยะสดได้รสหวานๆ เค็มๆ หอมเครื่องเทศจีน
ปอเปี๊ยะสด
       ส่วนอีกเมนูหนึ่งที่ลองชิมก็คือ ปอเปี๊ยะทอดและถุงทอง (20 บาท) เริ่มจากปอเปี๊ยทอดที่นำแป้งปอเปี๊ยะมาห่อกับไส้วุ้นเส้น ผสมกับหมูสับและผักรวม ก่อนจะนำไปทอด ส่วนถุงทองจะใส่ไส้ ข้าวโพด แครอท ถั่วลันเตา และหมูสับ จากนั้นก็นำไปทอดให้เหลืองกรอบ ชิมทั้งสองอย่างนั้นกรอบนอกนุ่มใน จิ้มกับน้ำจิ้มหวานที่ทางร้านเคี่ยวเอง ซึ่งจะได้รสหวานอมเปรี้ยวนิดๆ จากบ๊วย ซึ่งหากใครอยากจะกินปอเปี๊ยะทอด หรือถุงทองเพียงอย่างเดียว ก็สามารถสั่งแยกเป็นจานๆ ก็ได้ หรือจะสั่งรวมกันมาในจานเดียวแบบเราก็ไม่ว่ากัน
      
       หรือถ้าใครอยากลองเมนูอื่นๆ ก็แวะเวียนมาลิ้มชิมรสกันได้ทั้ง บะหมี่หมูแดงแห้ง/น้ำ (25 บาท พิเศษ 30 บาท) เกี๊ยวหมูกรอบแห้ง/น้ำ (30 บาท พิเศษ 35 บาท) ข้าวหมูแดงหมูกรอบ (30 บาท พิเศษ 35 บาท) ข้าวไก่ย่างเทริยากิ (30 บาท) เป็นต้น นักกินคนไหนที่ชื่นชอบบะหมี่เหนียวนุ่มรสชาติถูกปากแบบนี้ ก็ต้องไปลองชิมกันที่ร้าน “บะหมี่หัวโต”
ปอเปี๊ยะทอดและถุงทอง
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       ร้าน “บะหมี่หัวโต” ตั้งอยู่ที่ 436/28 ถ.นครไชยศรี แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กทม. การเดินทางจากถนนนครไชยศรี ให้วิ่งตรงมาทางตลาดศรีย่าน จนถึงสี่แยกให้เลี้ยวซ้าย แล้ววิ่งมาอีกประมาณ 100 เมตร สังเกตทางซ้ายมือจะมีทางเข้าห้างท็อป ซุปเปอร์มาร์เก็ต ให้เลี้ยวเข้าไป ร้านบะหมี่หัวโตจะอยู่ด้านหลังห้าง สามารถจอดรถได้บริเวณที่จอดรถของห้าง (เสียค่าจอด) ทางร้านรับออกงาน รับทำอาหารกล่อง และมีบริการเดลิเวอรี่ (คิดค่าส่งตามระยะทาง) ร้านเปิดทุกวัน เวลา 10.00-21.00 น. (มีวันหยุดเดือนละ 2-3 ครั้ง ควรโทรศัพท์ถามก่อน) โทร. 08-9171-3883, 08-0588-7771
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9540000090928