Monday, February 28, 2011

"สวนอาหารเพ็ญ" เน้นความสด รสถึงใจ

บรรยากาศภายในชั้นล่างสวนอาหารเพ็ญ
       ว่ากันว่าหากสาวไหนมี "เสน่ห์ปลายจวัก" เป็นแม่บ้านแม่เรือนทำกับข้าวกับปลาเก่ง นั้นถือว่ามีเสน่ห์มัดใจชายให้หลงใหล ถึงแม้ว่า "ผู้จัดการตระเวนกิน" เองจะไม่มีเสน่ห์ปลายจวักมัดใจใครเขา เพราะว่าไม่ถนัดเรื่องทำอาหาร แต่เราก็ถนัดในเรื่องหาที่กินที่ดื่ม ซึ่งก็ไม่รู้ว่าความถนัดด้านนี้จะมัดใจใครได้หรือเปล่า
      
       อย่างในมื้อนี้เราก็ได้ไปสรรหาร้านอาหารเลิศลิ้นมาฝากมิตรรักนักกินกันอีกเช่นเคย และร้านอาหารที่อยากจะนำเสนอนั้นก็คือ "สวนอาหารเพ็ญ" ที่ตั้งอยู่ตรงถ. จันทน์ ซึ่งเราได้มีโอกาสเดินทางไปตระเวนกินลองลิ้มรสชาติอาหารของที่ร้านนี้มาแล้ว ถึงขั้นติดอกติดใจในเสน่ห์ปลายจวักของแม่ครัวฝีมือดีของร้านนี้เข้าอย่างจัง ที่ได้นำเสนออาหารไทยแบบรสชาติจัดจ้าน และยังมีซีฟู้ดสดๆ ที่ได้คัดสรรแต่วัตถุดิบของดี มีคุณภาพมาจากหลายแหล่งอาหารทะเลที่ดีของไทย นำมาปรุงแต่งเป็นเมนูเลิศรสสารพัดที่ล้วนแล้วแต่ชวนชิมมากมาย
ทอดมันปลากราย
       ถ้ามาแล้วก็ไม่ควรที่จะพลาดสั่งเมนูจานเด็ดเหล่านี้ที่เราได้ลองลิ้มจนถูกปากและอยากแนะนำให้ลองชิมกันก็มี ทอดมันปลากราย (ชิ้นละ 50 บาท) เป็นทอดมันปลากรายชิ้นใหญ่ ที่อัดแน่นไปด้วยเนื้อปลากรายล้วนๆ ผสมกับเครื่องเคราเครื่องพริกแกงสูตรเด็ดของทางร้าน และใส่ถั่วฝักยาวผสมลงไปด้วย ปั้นเป็นชิ้นกลมแบนขนาดใหญ่แล้วทอดจนสุกหอม เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสเด็ดที่ทางร้านทำเองเช่นกัน หั่นชิ้นทอดมันปลากรายส่งเข้าปาก เคี้ยวนุ่มเนื้อแน่นหนึบหนับปากได้รสชาติปลากรายล้วนๆ
กุ้งแม่น้ำเผา
       กุ้งแม่น้ำเผา (ตัวละ 600 บาท) เมนูซีฟู้ดสดๆ ที่คนชอบกินกุ้งไม่ควรพลาดสั่งด้วยประการทั้งปวง เป็นกุ้งแม่น้ำแท้ๆ จากแปดริ้ว คัดสรรแต่ตัวโตๆ และต้องมีมันกุ้ง นำมาย่างด้วยเตาถ่านจนกุ้งสุกหอมกำลังกิน ลองลิ้มรสชาติกุ้งเผาแล้วก็ต้องยกนิ้วให้ในความสดของกุ้งเนื้อแน่นขาว หวานสดได้ใจ มันของกุ้งหอมมัน ยิ่งจิ้มกินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้านเปรี้ยว เค็ม เผ็ด ขอบอกว่าเลิศลิ้นเกินคำบรรยาย
ปลานกแก้วแดดเดียว
       ปลานกแก้วแดดเดียว (680 บาท) เป็นอีกหนึ่งเมนูซีฟู้ดที่หากินได้ยากนอกจากที่นี่ เพราะทางร้านสั่งปลานกแก้วเนื้อขาวนำเข้ามาจากเวียดนาม นำมาแล่เอาก้างออกแล้วตากแดดให้แห้งก่อนจะนำมาทอดจนปลาสุกเหลืองกรอบดูน่า กิน มาพร้อมเครื่องเคียงสารพัดมีทั้งหอมแดง หอมเจียว เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ถั่วลิสง ใบสะระแหน่ และมีน้ำจิ้ม 2 แบบ มีน้ำจิ้มมะม่วงและน้ำจิ้มซอสมะขาม กินเนื้อปลานกแก้วกรอบนอกเนื้อในนุ่มหวาน แกล้มกับเครื่องเคียงต่างๆ ราดน้ำจิ้มมะม่วงออกหวานๆ อมเปรี้ยว ส่วนน้ำจิ้มซอสมะขามเปรี้ยวเผ็ดถูกลิ้น
เนื้อตุ๋นพลังช้าง
       กินเมนูซีฟู้ดไปแล้วถึง 2 อย่างคราวนี้มากินเมนูไทยสุดแซบอย่าง เนื้อตุ๋นพลังช้าง (เล็ก 150 บาท ใหญ่ 350 บาท) ที่ฟังแค่ชื่อก็ชวนติดตามแล้ว เนื้อตุ๋นชามนี้ทางร้านคัดเนื้อสันในวัวอย่างดี มีเอ็นและข้อด้วย นำมาตุ๋นกับเครื่องเทศยาจีนเคี่ยวนานเป็นวันๆ จนเนื้อวัวเปื่อยยุ่ย ปรุงรสชาติกับน้ำซุปหอมๆ ออกรสชาติแซบเด็ด ซดน้ำซุปร้อนๆ ชุ่มชื่นโล่งคอ เนื้อนิ่มเคี้ยวนุ่มได้ที่ดีนักแล
ข้าวเหนียวมะม่วง
       พอจัดการกินอาหารคาวจนเกือบอิ่มท้อง ขอบอกว่าควรเหลือพื้นที่กระเพาะให้ของหวานด้วย เพราะที่นี่มีของหวานขึ้นชื่อที่ชวนกินอย่าง ข้าวเหนียวมะม่วง (120 บาท) ที่ทางร้านมูนข้าวเหนียวเองด้วยสูตรเด็ดเฉพาะ และมาพร้อมกับมะม่วงน้ำดอกไม้สุกเหลืองหอม ลิ้มรสข้าวเหนียวมูนเป็นเม็ดนุ่มปากออกหวาน เค็ม มันกินเข้ากันกับมะม่วงน้ำดอกไม้หวานๆ อ้อ!! และทางร้านยังมีผลไม้เป็นฝรั่งแจกฟรีให้กับลุกค้าทุกตะได้กินล้างปากกันด้วย
อีกหนึ่งมุมโต๊ะนั่งสบายๆ
       และทั้งหมดนี้ก็คือมื้ออันอิ่มหนำของเรา แต่ถ้าหากมิตรรักนักกินเกิดมากันหลายคน เมนูที่แนะนำเหล่านี้อาจจะไม่พอ ก็ขอบอกว่ายังมีเมนูอื่นๆ ที่ชวนสั่งมากินอีก อาทิ ปูทะเลนึ่ง (ขีดละ 100-120 บาท) หอยเป๋าฮื้อผัดพริกเผา (350 บาท) หอยนางรมกระทะร้อน (180 บาท) ลิ้นเป็ดพะโล้ (200 บาท) และอีกสารพัดเมนูไทย-ซีฟู้ด ที่ชวนสั่งมานั่งกินกันในบรรยากาศร้าน "สวนอาหารเพ็ญ" ที่จัดตกแต่งแบบให้นั่งสบายๆ ในสไตล์เหมือนบ้าน
      
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       "สวนอาหารเพ็ญ" ตั้งอยู่ที่ 2068/4 ถ.จันทน์ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ การเดินทางถ้ามาจากถ.สาทร ให้วิ่งตรงมายังถ.นราธิวาสราชนครินทร์ วิ่งตรงมาเรื่อยๆ จนมาถึงแยกแล้วให้เลี้ยวขวาเข้าถ.จันทน์ ตรงเข้ามานิดเดียวจะเห็นสวนอาหารเพ็ญตั้งอยู่ซ้ายมือ ตรงข้ามกับถ.จันทน์ ซอย 2 มีที่จอดรถด้านข้างร้าน เปิดทุกวัน เวลา 11.00-14.00 น. และ 17.00-23.00 น. ถ้ามาทานศุกร์-อาทิตย์ แนะนำว่าควรโทร.มาจองโต๊ะก่อนจะดีที่เบอร์ 0-2287-2907, 0-2286-7061, 0-2286-3058

"สวนอาหารเพ็ญ" เน้นความสด รสถึงใจ

บรรยากาศภายในชั้นล่างสวนอาหารเพ็ญ
       ว่ากันว่าหากสาวไหนมี "เสน่ห์ปลายจวัก" เป็นแม่บ้านแม่เรือนทำกับข้าวกับปลาเก่ง นั้นถือว่ามีเสน่ห์มัดใจชายให้หลงใหล ถึงแม้ว่า "ผู้จัดการตระเวนกิน" เองจะไม่มีเสน่ห์ปลายจวักมัดใจใครเขา เพราะว่าไม่ถนัดเรื่องทำอาหาร แต่เราก็ถนัดในเรื่องหาที่กินที่ดื่ม ซึ่งก็ไม่รู้ว่าความถนัดด้านนี้จะมัดใจใครได้หรือเปล่า
      
       อย่างในมื้อนี้เราก็ได้ไปสรรหาร้านอาหารเลิศลิ้นมาฝากมิตรรักนักกินกันอีกเช่นเคย และร้านอาหารที่อยากจะนำเสนอนั้นก็คือ "สวนอาหารเพ็ญ" ที่ตั้งอยู่ตรงถ. จันทน์ ซึ่งเราได้มีโอกาสเดินทางไปตระเวนกินลองลิ้มรสชาติอาหารของที่ร้านนี้มาแล้ว ถึงขั้นติดอกติดใจในเสน่ห์ปลายจวักของแม่ครัวฝีมือดีของร้านนี้เข้าอย่างจัง ที่ได้นำเสนออาหารไทยแบบรสชาติจัดจ้าน และยังมีซีฟู้ดสดๆ ที่ได้คัดสรรแต่วัตถุดิบของดี มีคุณภาพมาจากหลายแหล่งอาหารทะเลที่ดีของไทย นำมาปรุงแต่งเป็นเมนูเลิศรสสารพัดที่ล้วนแล้วแต่ชวนชิมมากมาย
ทอดมันปลากราย
       ถ้ามาแล้วก็ไม่ควรที่จะพลาดสั่งเมนูจานเด็ดเหล่านี้ที่เราได้ลองลิ้มจนถูกปากและอยากแนะนำให้ลองชิมกันก็มี ทอดมันปลากราย (ชิ้นละ 50 บาท) เป็นทอดมันปลากรายชิ้นใหญ่ ที่อัดแน่นไปด้วยเนื้อปลากรายล้วนๆ ผสมกับเครื่องเคราเครื่องพริกแกงสูตรเด็ดของทางร้าน และใส่ถั่วฝักยาวผสมลงไปด้วย ปั้นเป็นชิ้นกลมแบนขนาดใหญ่แล้วทอดจนสุกหอม เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสเด็ดที่ทางร้านทำเองเช่นกัน หั่นชิ้นทอดมันปลากรายส่งเข้าปาก เคี้ยวนุ่มเนื้อแน่นหนึบหนับปากได้รสชาติปลากรายล้วนๆ
กุ้งแม่น้ำเผา
       กุ้งแม่น้ำเผา (ตัวละ 600 บาท) เมนูซีฟู้ดสดๆ ที่คนชอบกินกุ้งไม่ควรพลาดสั่งด้วยประการทั้งปวง เป็นกุ้งแม่น้ำแท้ๆ จากแปดริ้ว คัดสรรแต่ตัวโตๆ และต้องมีมันกุ้ง นำมาย่างด้วยเตาถ่านจนกุ้งสุกหอมกำลังกิน ลองลิ้มรสชาติกุ้งเผาแล้วก็ต้องยกนิ้วให้ในความสดของกุ้งเนื้อแน่นขาว หวานสดได้ใจ มันของกุ้งหอมมัน ยิ่งจิ้มกินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้านเปรี้ยว เค็ม เผ็ด ขอบอกว่าเลิศลิ้นเกินคำบรรยาย
ปลานกแก้วแดดเดียว
       ปลานกแก้วแดดเดียว (680 บาท) เป็นอีกหนึ่งเมนูซีฟู้ดที่หากินได้ยากนอกจากที่นี่ เพราะทางร้านสั่งปลานกแก้วเนื้อขาวนำเข้ามาจากเวียดนาม นำมาแล่เอาก้างออกแล้วตากแดดให้แห้งก่อนจะนำมาทอดจนปลาสุกเหลืองกรอบดูน่า กิน มาพร้อมเครื่องเคียงสารพัดมีทั้งหอมแดง หอมเจียว เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ถั่วลิสง ใบสะระแหน่ และมีน้ำจิ้ม 2 แบบ มีน้ำจิ้มมะม่วงและน้ำจิ้มซอสมะขาม กินเนื้อปลานกแก้วกรอบนอกเนื้อในนุ่มหวาน แกล้มกับเครื่องเคียงต่างๆ ราดน้ำจิ้มมะม่วงออกหวานๆ อมเปรี้ยว ส่วนน้ำจิ้มซอสมะขามเปรี้ยวเผ็ดถูกลิ้น
เนื้อตุ๋นพลังช้าง
       กินเมนูซีฟู้ดไปแล้วถึง 2 อย่างคราวนี้มากินเมนูไทยสุดแซบอย่าง เนื้อตุ๋นพลังช้าง (เล็ก 150 บาท ใหญ่ 350 บาท) ที่ฟังแค่ชื่อก็ชวนติดตามแล้ว เนื้อตุ๋นชามนี้ทางร้านคัดเนื้อสันในวัวอย่างดี มีเอ็นและข้อด้วย นำมาตุ๋นกับเครื่องเทศยาจีนเคี่ยวนานเป็นวันๆ จนเนื้อวัวเปื่อยยุ่ย ปรุงรสชาติกับน้ำซุปหอมๆ ออกรสชาติแซบเด็ด ซดน้ำซุปร้อนๆ ชุ่มชื่นโล่งคอ เนื้อนิ่มเคี้ยวนุ่มได้ที่ดีนักแล
ข้าวเหนียวมะม่วง
       พอจัดการกินอาหารคาวจนเกือบอิ่มท้อง ขอบอกว่าควรเหลือพื้นที่กระเพาะให้ของหวานด้วย เพราะที่นี่มีของหวานขึ้นชื่อที่ชวนกินอย่าง ข้าวเหนียวมะม่วง (120 บาท) ที่ทางร้านมูนข้าวเหนียวเองด้วยสูตรเด็ดเฉพาะ และมาพร้อมกับมะม่วงน้ำดอกไม้สุกเหลืองหอม ลิ้มรสข้าวเหนียวมูนเป็นเม็ดนุ่มปากออกหวาน เค็ม มันกินเข้ากันกับมะม่วงน้ำดอกไม้หวานๆ อ้อ!! และทางร้านยังมีผลไม้เป็นฝรั่งแจกฟรีให้กับลุกค้าทุกตะได้กินล้างปากกันด้วย
อีกหนึ่งมุมโต๊ะนั่งสบายๆ
       และทั้งหมดนี้ก็คือมื้ออันอิ่มหนำของเรา แต่ถ้าหากมิตรรักนักกินเกิดมากันหลายคน เมนูที่แนะนำเหล่านี้อาจจะไม่พอ ก็ขอบอกว่ายังมีเมนูอื่นๆ ที่ชวนสั่งมากินอีก อาทิ ปูทะเลนึ่ง (ขีดละ 100-120 บาท) หอยเป๋าฮื้อผัดพริกเผา (350 บาท) หอยนางรมกระทะร้อน (180 บาท) ลิ้นเป็ดพะโล้ (200 บาท) และอีกสารพัดเมนูไทย-ซีฟู้ด ที่ชวนสั่งมานั่งกินกันในบรรยากาศร้าน "สวนอาหารเพ็ญ" ที่จัดตกแต่งแบบให้นั่งสบายๆ ในสไตล์เหมือนบ้าน
      
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       "สวนอาหารเพ็ญ" ตั้งอยู่ที่ 2068/4 ถ.จันทน์ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ การเดินทางถ้ามาจากถ.สาทร ให้วิ่งตรงมายังถ.นราธิวาสราชนครินทร์ วิ่งตรงมาเรื่อยๆ จนมาถึงแยกแล้วให้เลี้ยวขวาเข้าถ.จันทน์ ตรงเข้ามานิดเดียวจะเห็นสวนอาหารเพ็ญตั้งอยู่ซ้ายมือ ตรงข้ามกับถ.จันทน์ ซอย 2 มีที่จอดรถด้านข้างร้าน เปิดทุกวัน เวลา 11.00-14.00 น. และ 17.00-23.00 น. ถ้ามาทานศุกร์-อาทิตย์ แนะนำว่าควรโทร.มาจองโต๊ะก่อนจะดีที่เบอร์ 0-2287-2907, 0-2286-7061, 0-2286-3058

"เอบิสึ ชาบู" อร่อยร้อนรสญี่ปุ่น

บรรยากาศน่านั่งที่ร้าน “เอบิสึ ชาบู”
       ช่วงนี้เข้าสู่หน้าหนาวอย่างเต็มตัวกันแล้ว สามารถสัมผัสความหนาวกันได้ทั่วทุกภาค ไม่เว้นแม้แต่ในกรุงเทพฯที่อากาศเย็นลง จน "ตระเวนกิน" เกิดอาการเรียกหาของกินร้อนๆแทบไม่ทัน และหนึ่งในของกินแบบร้อนๆที่คิดถึงขึ้นมาทันที ก็เห็นจะหนีไม่พ้น "ชาบู ชาบู" เมนูญี่ปุ่นที่ถูกปากคนไทยหลายคนนัก
      
       เมื่อคิดถึงชาบู ชาบู ก็ต้องเสาะหาร้านชาบู ชาบูดีๆ นั่งกัน และก็เจอแล้ว ที่ ปากซอยจันทน์ 2 กับร้านที่มีชื่อว่า"เอบิสึ ชาบู" (EBISU SHABU) ใครที่กำลังกอดหมอนนอนหนาวอยู่ รีบลุกขึ้นมาแล้วตาม "ตระเวนกิน"มาที่ร้านนี้ ได้เลย เพื่อสัมผัสกับรสชาติแบบญี่ปุ่นและซดน้ำซุปร้อนๆให้คลายหนาว
เคาน์เตอร์แบบแยกสำหรับกินคนเดียว
       สำหรับร้าน "เอบิสึ ชาบู"แห่งนี้ ชื่อ เอบิสึ เจ้าของร้านเล่าว่า ได้มาจากชื่อของ1ใน 7 เทพเจ้าแห่งโชคลาภและการค้าขาย ความรุ่งเรือง ของญี่ปุ่น โดย เทพเจ้าเอบิสึ จะหนีบปลาทะเลซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดีใต้แขนซ้าย และถือคันเบ็ดในมือขวา เทพเจ้าแห่งโชคลาภของทางร้านนี้โดดเด่นถือคันเบ็ดรอตกลูกค้าเข้าร้านให้เห็น อยู่หน้าร้าน
      
       ก่อนจะนั่งกินอาหารอย่างอิ่มหนำสำราญ ขอกวาดสายตามองบรรยากาศที่ไม่ญี่ปุ่นของทางร้านก่อน ที่นี่เขาเลือกที่จะตกแต่งด้วยสไตล์แบบโมเดิร์น โดยการเลือกใช้โทนสีแดง สีสดที่มีไว้เพื่อดึงดูดสายตาลูกค้า ที่เมื่อมองผ่านกระจกใสหน้าร้าน สามารถมองเห็นข้างในที่ตกแต่งแบบเก๋ๆ ให้ความแตกต่างจากร้านอาหารญี่ปุ่นยุคเก่า
      
       ภายในร้านแบ่งเป็น 3 โซนด้วยกัน โซนแรก เป็นเคาน์เตอร์ สำหรับลูกค้าที่มาคนเดียว อ้อ...ที่ร้านนี้เขาใช้ระบบเตาแยกแบบ individual สำหรับกินคนเดียว ใครไม่กินเนื้อ ใครแพ้อาหารทะเลลืมปัญหานั้นไปได้เลยเมื่อมาที่นี่เพราะมีหม้อส่วนตัวเป็น ของเราเอง โซนที่สอง เหมาะสำหรับแบบครอบครัวที่มีการแชร์เตา 1 เตาต่อลูกค้า 2 ท่าน ส่วนโซนสุดท้าย คือ แบบโต๊ะกลมสำหรับกลุ่มใหญ่ที่มากัน 8-10 คน
ชุดบุฟเฟต์
       สำรวจร้านแล้วก็ได้เวลากินอาหารกันบ้าง มาร้านชาบู ชาบู จะกินอย่างอื่นได้อย่างไร ถ้าไม่ใช่ ชาบู ชาบู กับ ชุดบุฟเฟต์ ชาบู ชาบู(299 บาท+) ประกอบด้วย เนื้อวัวโคขุน เนื้อหมู เนื้อไก่ เบคอน แฮมไก่ ที่ถูกสไลด์จนบางเฉียบ และจานผักรวม ข้าวญี่ปุ่น 1 ถ้วย ไข่ไก่ 1 ฟอง เครื่องดื่มเด็ดๆ อย่าง ชาข้าวบาเล่ต์ 100%ไม่มีสารคาเฟอีน ที่มีมาครบครันในชุดนี้
เริ่มลงมือหายหนาวกับ ชาบู ชาบู
       ด้านน้ำซุปที่นี่เห็นเสิร์ฟมาในหม้อใสๆแต่ไม่ธรรมดา เพราะเคี่ยวจากปลาคัทสึโอะปลาแห้งจากญี่ปุ่น ผสมผสานกับเคล็ดลับเฉพาะของทางร้าน จนได้น้ำซุปกลมกล่อมเป็นเอกลักษณ์ อีกหนึ่งจุดเด่นของร้านนี้ที่จะลืมไม่ได้ คือเป็นร้านอาหารที่ปลอดผงชูรส มั่นใจได้ว่ารสชาติต่างๆที่ได้มาจากฝีมือล้วนๆ
น้ำจิ้มที่มีให้เลือกถึง 4 ชนิด
       เมื่อทุกอย่างพร้อมก็อย่ามัวเรี่ยมเร้เรไรอยู่เลย ลงมือคลายหนาวกับ ชาบู ชาบู กันดีกว่า ขอกระซิบกันนิดว่า วิธีกิน ชาบู ชาบู แบบญี่ปุ่นแท้ๆ คือ เมื่อจุ่มเนื้อลงไปในหม้อน้ำเดือด ให้แกว่งไปทางขวา ชาบู...แกว่งไปทางซ้าย ชาบู...แค่นี้ก้อเอาขึ้นได้แล้ว มากกว่านี้จะสุกเกินไป ชาวญี่ปุ่นถึงเรียกว่า ชาบู ชาบู
      
       และสำหรับใครที่กินเพลิน แต่ต้องการมากกว่าชุดบุฟเฟต์แล้วละก็ ที่นี่ยังมีชุดเมนูที่สามารถสั่งเพิ่มได้อีกหลากหลายอย่างทั้ง หอยเชลล์ (95บาท+) หอยเชลล์ตัวใหญ่สั่งตรงจากเกาะฮอกไกโดประเทศญี่ปุ่น ตัวโตที่บรรจงกัดคำแรกจะได้รับความหวานของน้ำที่อยู่ข้างใน และมีความเหนียวนุ่มกลมกล่อมตลอดทั้งตัว เพิ่มอรรถรสแก่การกิน ชาบู ชาบู มื้อนี้ได้เป็นอย่างดี
เนื้อแกะสไลด์บาง
       ถัดมาเป็น หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ (90บาท+) ที่ทางร้านคัดสรรค์มาเพื่อลูกค้าโดยเฉพาะ ความพิเศษไม่เพียงแค่ขนาดที่ใหญ่ แต่ยังรวมไปถึงรสชาติ ที่สัมผัสนุ่มลิ้น หอยเนื้อแน่นเต็มคำ หวานไร้กลิ่นคาว
      
       ต่อมาเป็น ลูกปลาหมึกยักษ์ (75บาท+) ที่เมื่อนำลงหม้อจะค่อยๆพองตัวลอยขึ้นมารอให้ลิ้มรส อันกรุบกรอบนุ่มไม่เหนียว
      
       ตบท้ายด้วย เนื้อแกะนิวซีแลนด์(140 บาท+) ที่สไลด์บางเฉียบให้กินง่าย เมื่อทานจะรู้สึกว่าเนื้อแกะหอมเหมือนกลิ่นเนยและไม่มีกลิ่นคาว
หอยเชลล์ตัวโต
       ความพิเศษของ "เอบิสึ ชาบู" ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ด้วยน้ำจิ้มที่มีให้เลือกถึง 4 ชนิด อาจทำให้คุณอิ่มเอมกับการกินชาบู ชาบู ครั้งนี้จนถอนตัวไม่ขึ้น เริ่มด้วย น้ำจิ้มปอนซึ น้ำจิ้มชาบู ชาบู แบบญี่ปุ่น รสชาติดั้งเดิมที่เสิร์ฟพร้อมกันเครื่องเคียงอย่างหัวไชเท้าและแครอทปั่น หรือจะเป็นน้ำจิ้มแบบญี่ปุ่นอีกตัว อย่าง น้ำจิ้มงา รสออกหวานเพื่อสุขภาพดีไม่น้อย ใครชอบแนวไทยๆก็ต้องเป็น น้ำจิ้มสุกี้ ที่รสเปรี้ยวหวานกำลังดี และอันสุดท้ายน้ำจิ้มซีฟู้ด ที่ผสานรส เผ็ด เปรี้ยว หวาน เข้ากันอย่างลงตัว เพิ่มความจัดจ้านได้อีก ด้วยเครื่องเคียงอย่าง พริกขี้หนูป่น กระเทียมสับละเอียด และพริกเผา
หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์
       และหากต้องการสั่งเมนูแยกอื่นๆ ทางร้านก็ยังมีให้เลือกอีกหลายอย่าง ทั้ง เห็ดโคนญี่ปุ่น (50 บาท+), สาหร่ายวากาเมะ (40 บาท+),ชิกูวะ(35บาท+),ปลานกแก้ว(65บาท+),ยำครีบหอยเชลล์ (75บาท+),ยำทาโกะจัง(90บาท+) ใครเกิดอาการหนาวๆอย่างกิน ชาบู ชาบู แบบ "ตระเวนกิน"ลองแวะมาที่ "เอบิสึ ชาบู"ให้หายหนาว
ลูกปลาหมึกและเห็ดโคนญี่ปุ่น
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       "เอบิสึ ชาบู" ตั้งอยู่ที่ ถ.จันทน์ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ การเดินทางถ้ามาจาก ถ.สาทร ให้วิ่งตรงมายังถ.นราธิวาสราชนครินทร์ วิ่งตรงมาเรื่อยๆ จนมาถึงแยกแล้วให้เลี้ยวขวาเข้า ถ.จันทน์ ตรงเข้ามานิดเดียวจะเห็นร้านเอบิสึ ชาบูตั้งอยู่ทางขวาตรงกับ ถ.จันทน์ ซอย 2 จุดสังเกตตั้งอยู่ข้างธนาคารกรุงเทพสาขา ถ.จันทน์สะพาน 5 มีที่จอดรถภายในตึก เปิดทุกวัน เวลา 11.00-14.00 น. และ 17.00-22.00 น. สามารถจองล่วงหน้าสำหรับจัดงานเลี้ยง ทางร้านรับบัตรเครดิตของวีซ่าและมาสเตอร์การ์ด
      
       โปรโมชั่นของทางร้าน สะสมแสตมป์ ทานบุฟเฟต์ 1 ท่าน รับแสตมป์ 1 ดวงสะสมครอบ 10 ดวง ทานฟรี 1 ท่านในครั้งต่อไป,ช่วงกลางวันในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา11.00-14.00น.ทานบุฟเฟต์มา 5 ท่านจ่ายเพียง 4 ท่าน โทร.0-2287-3611-2

ครบรสความสุข ที่ ร้าน“กางแปลง”

บรรยากาศภายในร้าน “กางแปลง”
       ในยุคสมัยที่มีโรงภาพยนตร์ดีๆ เก้าอี้เบาะหนานุ่ม เปิดแอร์เย็นฉ่ำแบบปัจจุสมัยนิยม จะมีใครจำได้บ้างว่าย้อนวัยไปเมื่อครั้นเป็นเด็ก เราเคยมีโอกาสเดินตามผองเพื่อนและครอบครัว ไปดูหนังกางแปลงกันตามงานวัด บรรยากาศที่ไม่ต้องมีเบาะหนานุ่มรองรับ มีเพียงเสื่อหนึ่งผืนที่หอบมาจากบ้านไว้รองหนัง หรือในบางครั้งก็ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ปูกัน อาหารการกินก็พรั่งพร้อม มีให้เลือกกินอยู่รอบงาน หิวเมื่อไหร่ก็ลุกไปซื้อหาได้
      
       เกริ่นแบบนี้อย่าเพิ่งว่า “ตระเวนกิน”กำลังเข้าสู่วัยทองเสียล่ะ ถึงได้มาพร่ำบ่นเรื่องเก่าๆ แต่เป็นเพราะได้มีโอกาสไปสังสรรค์พบปะเพื่อนฝูงที่ร้านอาหารที่มีชื่อว่า “กางแปลง”ร้าน สไตล์กึ่ง Pub& Restaurant แถวปากซอย อาภาภิรมย์ (รัชดาภิเษก32) ทั้งชื่อร้านและการตกแต่งภายในร้านทำให้คิดถึงอดีตได้เป็นอย่างดี
กางแปลงร้านที่มากมายด้วยของสะสม
       ร้าน “กางแปลง”นี้เป็นร้านที่เกิดขึ้นจากหุ้นส่วน ของร้านส่วนใหญ่ที่ทำงานอยู่ในวงการบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ Production House นักเขียน จุดประสงค์แรกเริ่มของร้านนี้เปิดขึ้นเพื่อให้คนทำหนังกับคนหนังสือพิมพ์ได้ มีโอกาสมาพบปะสังสรรค์กันกึ่งสภากาแฟ ดู ฟัง ดนตรีคุณภาพ กางแปลง คือโชว์ความอร่อย โชว์ผู้คน อิสระไม่จำกัด
      
       ความโดดเด่นของร้านนี้ที่ไม่เอ่ยถึงไม่ได้เลยคือการ ตกแต่งร้านด้วยของสะสมผสมผสานด้วยแนวคิดที่ลงตัวรองรับกลุ่มลูกค้าได้ทั้งคน ทำงาน วัยรุ่น สำหรับคอเหล้า บรรยากาศร้านเหมือนกับนั่งอยู่หัวหินริมชายทะเล
       กำแพงอิฐเหมือนอยู่บ้าน
      
       ร้านที่ตกแต่งแบบอาร์ตๆแต่เจ้าของร้านกลับกระซิบว่า ของข้าวทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็นอยู่ในร้านนี้เกิดขึ้นจากการที่หุ้นส่วนร้าน หลายคนต่างมีของสะสมเป็นของตัวเองหยิบเอาของคนโน้นทีคนนี้ที ว่าวางจนเต็มร้านแต่กลับมองดูกลมกลืนลงตัวได้อย่างไม่น่าเชื่อ
กุ้งผัดผงกะหรี่
       ร้านนี้แบ่งเป็นสองโซนคือในร้านกับนอกร้านมีเพียงประตูไม้บานพับกั้น เท่านั้น โซนด้านนอกเหมาสำหรับคนที่ต้องการดื่มกินแบบชิลล์ ๆ ในอารมณ์ริมถนนอย่างปลอดโปร่ง ส่วนโซนด้านในมีบาร์เครื่องดื่มไว้บริการมีที่นั่งดื่มเช่นกัน
      
       ความเก๋ไก๋ของร้านอย่างหนึ่งคือผนังร้านที่เป็นอิฐมอญสีแดงฉาบปูน ด้านๆ บ่งบอกถึงอารมณ์ศิลปินได้เป็นอย่างดีทั้งยังให้ความรู้สึกไม่เกร็งเป็นกัน เองมากยิ่งขึ้น ที่นี่ใช้ผ้าปูโต๊ะสีสันสดใสลายดอกไม้ มีใบปิดหนังวางอยู่ตามจุดต่างๆของร้าน อาทิ เกมล้มโต๊ะ ทวิภพ
      
       มานั่งฟังเพลงบ้างดีกว่า ที่ร้าน กางแปลง มีทั้งเพลงเปิดให้ฟังเพลินๆ และดนตรีเล่นสดซึ่งค่อนข้างหลากหลาย ช่วงหัวค่ำจะเปิดเพลงเบาๆ สบายๆ ฟังกันไป คุยกันไป ดึกขึ้นมาอีกนิดก็จะเริ่มหนักแน่นขึ้นเรียกว่าเป็น Ballad Rock ชั้นดีที่หาฟังกันไม่ได้ง่ายๆ เลยทีเดียว และพอได้เวลาวงดนตรีเล่นสดก็จะขึ้นบรรเลงให้สนุกแบบยาวๆ กันต่อ
ไก่ซอสมะนาว
       โดยที่ร้านจะมีดนตรีเล่นมีดนตรีเล่นทุกวันเว้นวันอาทิตย์ ดนตรีเริ่มเล่น4ทุ่มแต่ทุกวันศุกร์ เสาร์ เริ่ม2ทุ่ม วันจันทร์ดนตรีแนวสนุกสนาน วันอังคาร เบาสบายแบบเบเกอรี่ วันพุธแนวอินดี้ วันพฤหัสบดีเป็นแบบสากลล้วน ร้อค,เรตเก้ วันศุกร์ แนวอินดี้ วันเสาร์ โฟล์ค ส่วนวันอาทิตย์เปิดเพลงอย่างเดียว
      
       นั่ง กิน ดื่ม เคล้าเสียงเพลง ในร้านที่บรรยากาศดีๆ ก็ต้องมีอาหารดีๆ มากินคู่กันด้วยถึงจะเรียกว่าครบครันอย่างแท้จริง ที่ กางแปลง เขาเน้นเสิร์ฟอาหารไทย เป็นส่วนใหญ่มีเมนูหนัก เบา ให้เลือกสรรหลากหลายไม่แพ้ที่ใดอย่าง ไก่ซอสมะนาว (95บาท) ที่สั่งมาลิ้มรส ชิ้นเนื้อส่วนอกของไก่ถูกเอามาชุบแป้งคลุกเคล้าเกล็ดขนมปังบวกกับสูตรลับเฉา พะก่อนจะทอดจนเหลืองกรอบ ราดหน้าด้วยมายองเนส ก็ให้รสชาติเปรี้ยว หวาน มัน
ต้มซุปเปอร์
       ส่วน กุ้งผัดผงกะหรี่ (95บาท) กินกินคำแรกก็รู้ว่ากุ้งสดใหม่ ความเด็ดดวงของจานนี้อยู่ที่ผงกะหรี่พิเศษสูตรอินเดียแท้ ที่เมื่อปรุงรส กับส่วนผสมอื่นๆอย่างไข่ไก่ พริกชี้ฟ้าใหญ่ หัวหอมและ ต้นหอม ลงตัวยิ่ง จานนี้รสกลมกล่อม หอมกลิ่นเครื่องเทศ
      
       อีกจานอย่าง ไก่ทอดตะไคร้ (80บาท) ปีกไก่และน่องไก่ที่ผ่านการปรุงรสและทอดจนสุกเหลือง ตะไคร้ซอยที่ทอดแบบเฉพาะจนกรอบกรุบ โยหน้าด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ รสชาติ กรอบนอก นุ่มใน หมัก ใบมะกรูดทอดกรอบ ใส่เกลือ
ไก่ทอดตะไคร้
       ตบท้ายขบวนด้วย ต้มซุปเปอร์ (100บาท) เปลี่ยนมาซดน้ำซุปกันบ้าง ต้มซุปเปอร์ ที่ตุ๋นขาไก่ ปีกไก่นานกว่าชั่วโมง ก่อนจะเอาน้ำจิ้มซีฟู้ดที่ทางร้านทำขึ้นเหยาะลงหม้อไฟ ต้มซุปเปอร์หม้อนี้ จึง ทั้งเผ็ดร้อน แซ่บ อย่าบอกใคร
      
       และถ้ายังไม่พอใจอยากสั่งมาเพิ่มอีกล่ะก็ มีเมนูดีๆเพียบอย่าง ยำเม็ดมะม่วงหิมพานต์ (70บาท), หมูมะนาว (80บาท),ต้มแซ่บเนื้อ(120บาท), กุ้งแช่น้ำปลา(95 บาท), ต้มข่าทะเล ( 120บาท),สำหรับนักดื่ม ค่าเปิดเหล้า (150บาท) ฝากเหล้าได้ไม่เกินเดือน ชวนเพื่อนฝูงมาเฮฮากันได้แล้วที่ร้าน “กางแปลง”
       

ดนตรีเพราะๆหาฟังได้ที่นี่
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       ร้าน “กางแปลง” เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 18.00-01.00 น. ทุกวันไม่เว้นวันหยุด การเดินทางจากแยกรัชดาเลี้ยวขวา ผ่านหน้าศาลอาญาแล้วกลับรถตรงแยกรัชโยธินตรงมาเรื่อยๆจนถึง ซ.อาภาภิรมณ์ (รัชดาภิเษก32) จากปากซอยเข้ามา 50 เมจร ซ้ายมือ จะเจอร้านอยู่เยื้องเซเว่น สามารถจอดรถได้หน้าร้านและตลอดแนวร้าน
       โทร.08-1612-1271,08-3924-4418