Saturday, May 21, 2011

"เหมยเงินขาว" อาหารไทใหญ่ เมืองลาเซียว ชานสเตท / แม่ช้อยนางรำ

โดย : แม่ช้อยนางรำ
"เมืองลาเซียว" แว่นแคว้นไตหลวง (ไทใหญ่) เหนือสุดของรัฐชานสเตท ประเทศพม่า
       "อาหารไทใหญ่...ไม่ใช่มีแค่น้ำเงี้ยว ข้าวแรมฟืน ไป "แสนหวี...สีปอ...ลาเซียว" เที่ยวนี้จึงได้รู้ว่า อาหารไตมีมากมาย กินหวานขนาด"
      
       ถึงอีชั้นจะอยู่แม่สาย ชายแดนติดต่อแว่นแคว้นชาน สเตท (Shan State) ประเทศพม่า
      
       ซึ่งความจริงเป็นดินแดนของเรา เพิ่งสูญเสียไปเมื่อคราวแพ้สงครามโลกครั้งที่แล้ว นับได้ 60 กว่าปี
      
       (แต่อย่าลืมเราเคยเสีย "เชียงใหม่" ให้พม่าไป 200 กว่าปี แต่เราก็ยังได้กลับคืนมาเลย)
      
       ประสาอะไร อีกหน่อยพี่น้องไทใหญ่กับพี่น้องไทยน้อย ก็คงจะได้กลับมาอยู่รวมกันอีกครั้ง
      
       เชียงตุง เชียงราย เชียงใหม่ เชียงแสน เชียงทอง ก็จะได้เป็น "เมืองฟ้าเชียง" อย่างที่เราฝันกันไว้
      
       ถึงจะอยู่ชายแดนมากกว่าสามสิบปี แต่อาหารไทใหญ่ที่อีชั้นกินได้ไม่เคยเบื่อก็มี
      
       ข้าวแรมฟืน ข้าวกั่นจิ้น ข้าวเส้นขนมจีนน้ำเงี้ยว
      
       แต่ข้าวซอยไม่ใช่ เพราะเป็นบะหมี่ของจีนฮ่อ
      
       มารัฐชาน สเตท หรือ "รัฐไทใหญ่" เมื่อปลายปีกลาย เข้าไปลึก...ลึกถึงเมืองแสนหวี สีปอ ลาเซียว ไปเที่ยวนี้เป็นครั้งแรก นึกไม่ถึงว่า
"อีเสียง" ลาวไทใหญ่ เจ้าของร้าน หน้าตาเหมือนลาวเหนือ เชียงใหม่ เชียงราย เจ้า!!
       ชาตินี้จะเข้าไปได้ถึงเพียงนี้
      
       เพราะพม่ามันไม่อยากให้พี่น้องไท-ไทยได้เจอะเจอกัน ด้วยที่ว่า
      
       ...เลือดไทยต้องเข้มข้นกว่าน้ำพม่า...
      
       อีชั้นก็เลยมีเรื่องมาเขียนเล่าความเป็นมาได้มากมาย แต่จะสาธยายเรื่องอาหารเพื่อให้สมกับชื่อคอลัมน์ "เมนูของอีชั้น"
      
       ...การเมืองไม่เกี่ยว เอี่ยวแต่การบ้านอาหารการกิน...
      
       เมนูสัปดาห์นี้อีชั้นจะเขียนแนะนำอาหารไทใหญ่ที่เมืองลาเซียว
      
       ชื่อนี้พม่าเรียกแต่คนไทใหญ่เรียก" เมืองป่าเยี่ยว" เพราะคนไทแสนหวีจะมาเที่ยวเมืองสีปอ ต้องผ่านเมืองนี้ก่อน ซึ่งตอนนั้นยังไม่เป็นเมือง เป็นป่าเขา
"แกรนด์ โรยัล" ชื่อฝรั่ง ชื่อพม่าว่าอย่างไรบ่ฮู้ แต่เจ้าอู้เมืองไทใหญ่ก็ว่า "เหมยเงินขาว" แปลเป็นไทยน้องก็ต้องว่า "หิมะสีขาว" เจ้าค่ะ
       เป็นครึ่งทางระหว่างแสนหวีและสีปอ
      
       คนไทเดินทางจะต้องพักค้างหรืออย่างน้อย...น้อย ก็มาฉี่ มาเยี่ยว
      
       เมืองนี้เพิ่งมาเจริญตอนจักรวรรดินิยมล่าเมืองขึ้นอังกฤษ สร้างทางรถไฟ จากย่างกุ้งทางใต้มาสิ้นสุดเมืองลาเซียวเมืองเหนือ เพื่อจะหาหนทางเข้าไปค้าขายกับประเทศจีน
      
       เมืองใหญ่อย่างสีปอ หรือแสนหวีซึ่งเป็นเมืองที่เจ้าฟ้า...เจ้าแผ่นดินก็เลยถูกลดบทบาทลง
      
       "เมืองลาเซียว" เป็นเมืองใหญ่ สถานีรถไฟสุดท้ายของพม่า มาสิ้นสุดเมืองนี้
      
       ที่นี่อาหารการกินจึงอุดมสมบูรณ์
      
       โดยเฉพาะอาหารไทใหญ่ ส่วนอาหารพม่าจึงไม่เป็นที่นิยมกินกัน เหตุผลสำคัญก็คือ
      
       อาหารจีนกับอาหารไทใหญ่คล้ายกัน
      
       ส่วนอาหารพม่ากระะเดียดไปข้างแขก
       ทั่วเมืองลาเซียว ในตลาดรอบเมืองจะเป็นอาหารไทใหญ่กับอาหารจีนแทบทั้งนั้น
      
       ส่วนร้านอาหารไทใหญ่ที่มีมากมาย ร้านที่ได้ป้ายมาตรฐาน "เปิบพิสดาร" ชื่อร้าน "เหมยเงินขาว" แปลไทยได้ว่า "หิมะสีขาวราวกับเงิน"
      
       ร้านเหมยเงินขาว ถนนกลางเมืองลาเซียว เจ้าของร้านเป็นสาวไตใหญ่ (ไทใหญ่) ชื่อ "อีเสียง" สำเร็จจากมหาวิทยาลัยมัณฑะเลย์ เปิดขายทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00 - 21.00 น. อาหารมีประมาณ 20 รายการ ขายมาประมาณ 20 ปี
      
       อาหารไทใหญ่เมืองลาเซียวจะแตกต่างไปจากอาหารไทใหญ่เมืองสีปอ ตรงที่คล้ายกับอาหารจีน มี ขาหมูต้มเค็ม หมูย่าง ไก่ทอด ไส้กรอก กุนเชียง
      
       แต่ยังคงรักษาอาหารแบบไทเราเอาไว้ คือมีแกงคล้ายแกงเลียง น้ำพริกก็มีแต่เป็นน้ำพริกถั่วเน่ากับแกงที่ไม่ใส่กะปิ
      
       ที่นี่ไม่รู้จักกะปิ ที่พม่าเรียกว่า "งาปิ"
      
       เขียนเล่าเพียงเท่านี้ เพราะโอกาสที่จะไปกินคงจะยาก แต่ก็ไม่แน่ถ้ามีโอกาสได้ไป แวะเปิบได้...คนลาเซียวรู้จักร้านนี้ทั้งนั้นเจ้าค่ะ!!

No comments:

Post a Comment